• Welcome to Phuket forum เว็บบอร์ด ภูเก็ต.
 

ข่าว:

SMF - Just Installed!

Main Menu

กระทู้ล่าสุด

#41
การจัดฟันเด็ก ช่วยปรับโครงหน้าเด็กได้อย่างไร

การจัดฟันถือเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะการจัดฟันนั้น สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้แทบทุกกรณี และจะช่วยทำให้เรามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตามมาด้วย หลายคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับฟันก็เลือกใช้วิธีการจัดฟันในการแก้ไขปัญหา เพราะการจัดฟันนั้นเป็นการรักษาที่มีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและยังช่วยให้เรามีบุคลิกภาพที่มั่นใจ มีรอยยิ้มที่สดใสสวยงามขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ การจัดฟันยังสามารถทำได้ในเด็กหรือที่เรียกว่าการจัดฟันเด็ก

ซึ่งต้องบอกว่าการจัดฟันในเด็กนั้นก็มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน ผู้ปกครองหรือพ่อแม่หลายคนคิดว่าการจัดฟันในเด็กนั้นไม่สำคัญ และไม่มีความจำเป็น เพราะคิดว่าบุตรหลานของท่านยังมีฟันน้ำนมอยู่ ซึ่งฟันน้ำนมของเด็กหลายคนอาจจะมองข้าม แต่หารู้ไม่ว่า ฟันน้ำนมมีความสำคัญมาก เพราะฟันน้ำนมมีบทบาทสำคัญมากต่อลักษณะการขึ้นของฟันแท้ ซึ่งก็จะส่งผลทำให้ลักษณะฟันของเราขึ้นตามปกติหรือผิดปกติก็ขึ้นอยู่กับการดูแลฟันน้ำนมของเราด้วย โดยในปัจจุบันนี้ เด็กประถมก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้แล้ว ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องรอให้โต เพราะหลายปัญหาเราอาจจะหลีกเลี่ยงได้ ลดความรุนแรงได้ หากได้รับการรักษาตั้งแต่นั้นเนิ่นๆ

นอกจากนี้ การจัดฟันในเด็กนั้นสามารถปรับโครงหน้าเด็กได้อีกด้วยซึ่งหลายคนที่กำลังตัดสินใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันก็อาจจะต้องศึกษาข้อมูลรายละเอียดต่างๆให้ดีก่อน และวันนี้เราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็ก ว่าสามารถช่วยปรับโครงหน้าได้อย่างไร มีกลไกการทำงานอย่างไร เพื่อที่ผู้ปกครองจะได้เห็นภาพชัดเชนมากยิ่งขึ้น และช่วยประกอบการตัดสินใจก่อนให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก

สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น ที่สามารถช่วยปรับโครงสร้างของใบหน้าของเด็กได้นั้น เกิดจากการทำงานของเครื่องมือที่มีชื่อว่า EF LINE โดยเครื่องมือชิ้นนี้ เป็นชิ้นยางที่มีหลากหลายสี ซึ่งมีหลายขนาด ซึ่งทันตแพทย์จะเลือกใช้ขนาดตามอายุและขนาดของขากรรไกรของเด็กนั่นเอง เครื่องมือชิ้นนี้จะมีประโยชน์ช่วยในเรื่องของการปรับโครงสร้างของใบหน้าของเด็กให้อยู่ถูกที่ถูกทางและช่วยแก้ไขความผิดปกติของรูปร่างฟัน ซึ่งสามารถช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของฟันล้มได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือถ้าหากเด็กมีปัญหาในเรื่องของฟันผุซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดการสูญเสียฟันหรือทันตแพทย์ต้องถอนฟัน น้ำนมของเด็กออก

ทันตแพทย์ก็จะทำการพิมพ์ปากเพื่อผลิตเครื่องมือกันฟันล้มให้สวมใส่และรอจนกว่าฟันแท้จะงอกขึ้นมาทดแทนในช่องว่างระหว่างฟัน สำหรับการจัดฟันในเด็กที่มีฟันแท้งอกออกมาทดแทนช่องว่างระหว่างฟันก็จะทำให้ไม่เกิดปัญหาฟันคุดหรือการล้มของฟันบริเวณโดยรอบ แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องมือการจัดฟันนั้น นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพฟันในเด็กแล้ว ยังสามารถปรับโครงสร้างของใบหน้าของเด็กได้อีกด้วยและยังช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกได้เพราะกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างของเด็กนั้น มีการเจริญเติบโตแบบต่อเนื่องและเครื่องมือ EF LINE ยังสามารถใช้ได้ในเด็กตั้งแต่อายุ 4-15ปี ซึ่งมีข้อดีก็คือสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างหลากหลาย ช่วยปรับโครงสร้างของใบหน้าเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บุตรหลานของท่านมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ มรรอยยิ้มที่สดใสสมวัยได้

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ที่สามารถให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง และยังให้คำแนะนำในเรื่องของการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันในเด็กด้วย เพื่อให้เด็กทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี แนะนำวิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกวิธี เพื่อปลูกฝังให้เด็กตระหนักถึงเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้มากเป็นพิเศษ ทางคลินิกอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีรอยยิ้มที่สดใส มั่นใจ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข
#42
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: กลากน้ำนม (Pityriasis Alba)
   
กลากน้ำนม (Pityriasis Alba) หรือเกลื้อนน้ำนม เป็นโรคผิดปกติทางผิวหนังที่เกิดจากการลดจำนวนของเม็ดสีที่ผิวหนังลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้สีผิวบริเวณนั้นจางลงเป็นวงด่าง โดยในช่วงแรกอาจเป็นผื่นชมพูอ่อน ๆ แห้งและตกสะเก็ด คล้ายอาการผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema)

โรคกลากน้ำนมสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่มักเกิดกับเด็กและวัยรุ่นได้มากกว่าวัยอื่น โรคกลากน้ำนมมักสามารถหายได้ แต่อาจต้องใช้ระยะเวลานานเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี โดยการรักษาโรคกลากน้ำนมส่วนใหญ่คือการดูแลตนเอง

นยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดของโรคที่แน่ชัด แต่พบว่าสัมพันธ์กับอาการผิวแห้งและโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) ซึ่งจัดว่าอยู่ในกลุ่มโรคผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) ที่อาจเป็นผลมาจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไวกว่าปกติ นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่าการโดนแดดบ่อย ๆ และอากาศแห้งมักทำให้รอยด่างปรากฏชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการเกิดโรคกลากน้ำนม เช่น รังสีอัลตราไวโอเลต ภาวะร่างกายขาดสารทองแดง หรือเชื้อรา (Malassezia  Yeasts) ที่อาจกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์สร้างเม็ดสีจนทำให้เกิดการผลิตเม็ดสีน้อยลงจนเกิดเป็นรอยด่าง

กลุ่มบุคคลที่เสี่ยงต่อการเป็นกลากน้ำนมได้ง่าย

เด็กและวัยรุ่นในช่วงอายุ 6-12 ปี พบการเกิดโรคได้ประมาณ 2-5% โดยเฉพาะในเด็กที่มีประวัติเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังและการอักเสบของผิวหนังที่มีอาการคันร่วมด้วย
เด็กที่อาบน้ำอุ่นบ่อย ๆ
ผู้ที่โดนแดดบ่อย ๆ โดยไม่ทาครีมกันแดด
การวินิจฉัยโรคกลากน้ำนม
แพทย์จะสอบถามประวัติผู้ป่วยในเบื้องต้น ตรวจดูสภาพผิวและตำแหน่งรอยด่างที่เกิดตามร่างกาย แต่ในบางรายอาจต้องตรวจด้านอื่นเพิ่มเติม เพื่อช่วยยืนยันผลการวินิจฉัย เนื่องจากโรคกลากน้ำนมมีอาการคล้ายคลึงกับโรคที่มีภาวะไฮเปอร์พิกเมนเทชั่น (Hypopigmentation) อื่น ๆ เช่น โรคกลาก โรคเกลื้อน ซึ่งทำให้สีผิวซีดจางกว่าสีผิวปกติข้างเคียงเช่นเดียวกับโรคกลากน้ำนม

การตรวจด้านอื่นเพิ่มเติมเมื่อแพทย์ต้องวินิจฉัยแยกโรคกลากน้ำนมออกจากโรคอื่น เช่น

การตรวจด้วยแสงอัลตราไวโอเลต (Wood Lamp Examination) เป็นการใช้ไฟส่องไปยังบริเวณผิวหนังที่เป็นรอยด่างด้วยเครื่องมือพิเศษ หากพบว่าเป็นโรค จะทำให้มองเห็นผิวบริเวณนั้นเรืองแสง
การขูดตัวอย่างผิวหนังส่งตรวจ (Skin Scraping) โดยแพทย์จะขูดเอาตัวอย่างผิวบริเวณที่เป็นรอยด่างส่งไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ เพื่อใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูชนิดของเชื้อรา
การตัดชิ้นเนื้อ (Skin Biopsy) โดยตัดชิ้นผิวหนังที่เป็นรอยด่างบางส่วนออกมาตรวจวิเคราะห์ ซึ่งช่วยให้ทราบว่าเกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังและจำนวนเม็ดสีที่ลดลง แต่มักไม่ต้องตรวจถึงขั้นนี้


การรักษาโรคกลากน้ำนม

โดยทั่วไปโรคกลากน้ำนมสามารถหายได้เอง แต่อาจใช้เวลานานหลายเดือนหรือเป็นปีจนกว่าสีผิวจะกลับมาเป็นปกติ การรักษาส่วนใหญ่มักเป็นการดูแลตนเองโดย

ทามอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมทาผิวบริเวณที่เป็นรอยด่าง เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว ไม่แห้ง ลอกเป็นขุยมากขึ้น
ในรายที่เกิดอาการคันรุนแรง อาจต้องใช้ยาทาผิวช่วยบรรเทา ซึ่งมีทั้งแบบมีสเตียรอยด์อ่อน ๆ และไม่มีสเตียรอยด์เป็นส่วนผสม เช่น ยาไฮโดรคอร์ติโซน  (Hydrocortisone) ยาพิเมโครลิมัส (Pimecrolimus) ยาทากลุ่มต้านแคลซินูริน (Calcineurin Inhibitors) ยาทาโครลิมัส (Tacrolimus)
ควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างสม่ำเสมอ โดยเลือกชนิดสำหรับผิวแพ้ง่าย
ไม่ควรอาบน้ำที่มีอุณหภูมิอุ่นเกินไป และเลือกใช้สบู่ที่อ่อนโยนต่อผิว
อย่างไรก็ตาม โรคกลากน้ำนมสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้หลังการรักษา แต่ส่วนใหญ่หากเป็นในเด็กมักจะหายไปเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่


ภาวะแทรกซ้อนของโรคกลากน้ำนม

โรคกลากน้ำนมแทบไม่พบภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยอาจพบปัญหาเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกที่ตัวโรคส่งผลให้เกิดความไม่สวยงามบนผิวหนัง รวมทั้งผิวหนังที่จะไวต่อแสงแดดมากขึ้นเมื่อต้องโดนแสงแดดเป็นเวลานาน


การป้องกันโรคกลากน้ำนม

โรคกลากน้ำนมไม่สามารถป้องกันได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากสาเหตุการเกิดมาจากหลายปัจจัย แต่สามารถลดความเสี่ยงของโรคได้โดยการดูแลผิวให้ชุ่มชื่นด้วยการทาครีมอยู่เสมอ ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดเป็นประจำ เพื่อช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้าย และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว
#43
จัดฟันบางนา: หลังจากเข้ารับการจัดฟันแบบใส ต้องใส่รีเทนเนอร์ไหม
 
สุขภาพช่องปากและฟัน ถือว่ามีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก เนื่องจากเราจะต้องใช้ปากและฟันในการรับประทานอาหาร บดเคี้ยวอาหาร ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม หากเราไม่ดูแลรักษาความสะอาดในเรื่องของช่องปากและฟันให้ดี แน่นอนว่าจะทำให้เกิดปัญหาฟันจนนำไปสู่การสูญเสียฟันได้ ซึ่งการสูญเสียฟันก็ส่งผลทำให้เกิดปัญหาฟันห่าง ฟันล้ม ฟันซ้อนเกได้

ดังนั้น การแก้ไขปัญหาต่างๆก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้ารับการจัดฟัน ซึ่งการเข้ารับการจัดฟันนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฟันอย่างเดียวแต่เรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้การเข้ารับการจัดฟัน มีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพด้วย ดังนั้นวิธีดูแลระหว่างการจัดฟัน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะการจัดฟันต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ต้องมีความเอาใจใส่ในการดูแล สุขภาพช่องปากและฟัน

เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากลิ่นปากและฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ หรือเป็นแผลในช่องปากตามมา ที่สำคัญที่สุดก็คือ การปฏิบัติตัวหลังจากการจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ควรละเลย เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาฟันซ้ำอีกครั้งได้ ซึ่งหลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว ภายหลังจากการจัดฟัน จะต้องสวมใส่เครื่องมือเพื่อคงสภาพฟันให้อยู่ในตำแหน่งเดิม นั่นก็คือ การสวมใส่รีเทนเนอร์ แต่ใครที่สนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส อาจจะสงสัยว่า ภายหลังจากการจัดฟันแบบใส เราจะต้องสวมใส่รีเทนเนอร์หรือไม่ เพราะเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ก็มีหน้าตาคล้ายกับรีเทนเนอร์อยู่แล้ว และจำเป็นไหมที่เราจะต้องใส่รีเทนเนอร์เพื่อคงสภาพฟัน
 
วันนี้เราจะมาพูดถึงการเข้ารับการจัดฟันว่า ภายหลังจากที่ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องสวมใส่รีเทนเนอร์หรือไม่ ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงการทำงานของรีเทนเนอร์ก่อนว่า ทำหน้าที่อะไร และมีความจำเป็นอะไรที่ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องสวมใส่รีเทนเนอร์หลังจากการจัดฟัน ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า หลังจากการจัดฟันเสร็จเรีนบร้อยแล้ว ฟันที่เรียงสวยของเราจะไม่อยู่กับที่แบบถาวร

เพราะมีโอกาสที่ฟันจะสามารถขยับเขยื้อนได้ หากไม่มีการยึดตำแหน่งให้เนื้อฟันและกระดูกของฟันหยุดอยู่กับที่ สิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ฟันของผู้เข้ารับการจัดฟันเรียงตัวกันอย่างสวยงามต่อไปได้เลยคือ รีเทนเนอร์ ซึ่งรีเทนเนอร์ เป็นเครื่องมือที่สามารถถอดได้ที่ช่วยรักษาสภาพฟันให้คงอยู่ในตำแหน่งเดิม ไม่ให้ฟันเคลื่อนตัวหลังถอดเครื่องมือจัดฟันออกไปเเล้ว ซึ่งหลังจากกการจัดฟันแบบใส

ทันตแพทย์อาจจะแนะนำให้สวมใส่รีเทนเนอร์แบบใส ที่ขึ้นรูปโดยการถูกทำให้ร้อนและดูดลงไปที่แม่พิมพ์ของฟัน รีเทนเนอร์จะให้ความพอดีกับตำแหน่งฟันใหม่ ดังนั้น หลังจากการจัดฟันแล้ว จำเป็นต้องใส่รีเทนเนอร์ครอบฟันบนและฟันล่าง เพื่อป้องกันฟันเคลื่อนไปจากตำแหน่งที่จัดฟันไว้ ไม่ให้ฟันเคลื่อนตำแหน่งผิดรูป สำหรับหน้าที่ของรีเทนเนอร์ที่สำคัญคือ ช่วยจัดตำแหน่งของฟันให้เรียงตัวสวย และรักษาอาการผิดปกติของ ช่องปากได้บางอย่าง ได้แก่ ฟันห่าง สำหรับผู้ที่มีช่องว่างระหว่างฟันเล็กน้อย ควรสวมใส่รีเทนเนอร์เพื่อให้ฟันเคลื่อนตัวมาชิดกัน อย่างไรก็ตาม ถ้าหากไม่สวมใส่รีเทนเนอร์หลังจากการจัดฟันก็จะทำให้มีโอกาสฟันล้ม ฟันเก หรือฟันห่างได้ซึ่งเท่ากับว่าการจัดฟันที่ผ่านมานั้นสูญเปล่า เจ็บตัวฟรี เสียเงินฟรี และต้องกลับไปจัดฟันใหม่อีกรอบนั่นเอง

หากสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามาถติดต่อขอรับคำแนะนำจากทันตแพทย์ของทางคลินิกได้ เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและยังได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalign ให้สามารถให้บริการจัดฟันแบบใสได้ ตามมาตรฐานสากล เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งยังช่วยทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้นด้วย
#44
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: โลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ (Aplastic anemia)

ไขกระดูก (bone marrow) อยู่ในโพรงกระดูกทั่วร่างกายมีหน้าที่สร้างเม็ดเลือดทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ เม็ดเลือดแดง (red blood cells) เม็ดเลือดขาว (white blood cells) และเกล็ดเลือด (platelets)

ในคนบางคนอาจเกิดภาวะผิดปกติของไขกระดูกเป็นเหตุให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดได้น้อยลง หรือไม่ได้เลยทั้ง 3 ชนิด เกิดภาวะโลหิตจาง (เพราะขาดเม็ดเลือดแดง) ติดเชื้อง่าย (เพราะขาดเม็ดเลือดขาว) และเลือดออกง่าย (เพราะขาดเกล็ดเลือด) เรียกว่า โรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ หรือ โรคโลหิตจางอะพลาสติก

โรคนี้พบได้ค่อนข้างน้อย แต่เป็นภาวะที่มีอันตรายร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้ พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่พบได้บ่อยในกลุ่มวัยรุ่น วัยหนุ่มสาว และผู้สูงอายุ


สาเหตุ

ประมาณกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ แพทย์อาจตรวจไม่พบสาเหตุชัดเจน

ส่วนที่พบมีสาเหตุ อาจเกิดจากสาเหตุ เช่น

    การได้รับรังสีบำบัด หรือเคมีบำบัดในผู้ป่วยมะเร็ง 
    ผลข้างเคียงของยา เช่น คลอแรมเฟนิคอล (ยาปฏิชีวนะ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้น้อยลง) ซัลฟา เฟนิโทอิน คาร์บามาซีพีน เอซีที (AZT)  สารเกลือของทอง (gold salt ซึ่งใช้รักษาโรคปวดข้อรูมาตอยด์) เป็นต้น
    การสัมผัสสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า สารหนู สารเคมีที่มีสูตรเบนซิน (เช่น สีทาบ้าน น้ำยาลบสี น้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าด) ทินเนอร์
    การติดเชื้อไวรัส เช่น เอชไอวี ไวรัสตับอักเสบ ไวรัสเอปสไตน์บาร์ (Epstein-Barr virus/EBV), ไวรัสไซโตเมกะโล (cytomegalovirus) เป็นต้น
    ปฏิกิริยาภูมิต้านตัวเอง (ออโตอิมมูน) เกิดการทำลายเซลล์ไขกระดูก ทำให้สร้างเม็ดเลือดไม่ได้
    การตั้งครรภ์ อาจพบโรคนี้ในผู้หญิงขณะตั้งครรภ์ ซึ่งมักเป็นเพียงชั่วคราว และหายได้เองหลังคลอด

อาการ

ส่วนใหญ่จะค่อยเป็นค่อยไป โดยมีอาการซีด อ่อนเพลีย มีจุดแดงพรายย้ำขึ้นตามตัว หรือมีเลือดออกจากที่ต่าง ๆ เช่น เลือดกำเดา เลือดออกตามไรฟัน อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะเป็นเลือด เลือดออกในตา เลือดออกในสมอง เป็นต้น

นอกจากนี้ยังพบมีอาการของโรคติดเชื้อร่วมด้วย ทำให้มีไข้เรื้อรังร่วมกับการติดเชื้อของอวัยวะต่าง ๆ

ผู้ป่วยจะไม่มีอาการตับ ม้าม หรือต่อมน้ำเหลืองโต (ถ้าโตอาจเป็นอาการของมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือมีสาเหตุอื่น ๆ ร่วมด้วย)

ผู้ป่วยอาจตายเพราะการตกเลือด หรือการติดเชื้อรุนแรงจนกลายเป็นโลหิตเป็นพิษ


ภาวะแทรกซ้อน

อาจมีเลือดออกรุนแรง อาจเกิดการติดเชื้อร้ายแรงจนกลายเป็นโลหิตเป็นพิษ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและการตรวจพบว่า มีไข้ ซีด มีจุดแดงพรายย้ำขึ้นตามตัว อาจมีเลือดออกจากที่ต่าง ๆ

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการตรวจเลือดซึ่งจะพบว่า มีจำนวนเม็ดเลือดแดงน้อย เม็ดเลือดขาวต่ำ ซึ่งอาจต่ำกว่า 2,000 ตัว/ลบ.มม. (ปกติ 5,000-10,000 ตัว) และเกล็ดเลือดต่ำกว่า 30,000 ตัว/ลบ.มม. (ปกติ 200,000-400,000 ตัว) และทำการตรวจไขกระดูก ซึ่งจะพบว่าจำนวนเซลล์อ่อนของเม็ดเลือดทุกชนิดลดลงมาก พบเป็นไขมันและเยื่อพังผืดกระจายอยู่แทน


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลให้การดูแลรักษา ดังนี้

ถ้าเป็นชนิดเล็กน้อย แพทย์จะให้เลือดและเกล็ดเลือด และให้ยาปฏิชีวนะในรายที่มีโรคติดเชื้อแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรง (มีเม็ดเลือดขาวต่ำกว่า 500 ตัว/ลบ.มม. เกล็ดเลือดต่ำกว่า 20,000 ตัว/ลบ.มม.) นอกจากให้เลือดและยาปฏิชีวนะแล้ว แพทย์จะทำการปลูกถ่ายไขกระดูก (bone marrow transplantation)

ผู้ป่วยที่ไม่สามารถปลูกถ่ายไขกระดูกได้ หรือมีสาเหตุจากปฏิกิริยาภูมิต้านตัวเอง แพทย์จะให้ยากดภูมิคุ้มกัน (immunosuppressive) เช่น ไซโคลสปอรีน (cyclosporine), แอนติไทโมไซต์โกลบูลิน (antithymocyte globulin/ATG) ซึ่งมักจะให้ร่วมกัน เพื่อช่วยให้เซลล์ไขกระดูกงอกใหม่และสร้างเม็ดเลือดได้ใหม่ นอกจากนี้แพทย์จะให้สเตียรอยด์ (เช่น เมทิลเพร็ดนิโซโลน) ร่วมด้วย   

บางรายแพทย์อาจให้ยากระตุ้นไขกระดูก (เช่น colony-stimulating factors) ช่วยให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดได้ใหม่

ผลการรักษา ผู้ป่วยที่เป็นชนิดเล็กน้อย (เช่น อาการที่พบในหญิงตั้งครรภ์ หรือเกิดจากผลข้างเคียงของยา) เมื่อได้รับการรักษาก็มักจะหายได้

ผู้ป่วยที่เป็นรุนแรง ที่ได้รับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูก มีอัตราการอยู่รอดที่ 5 ปีโดยเฉลี่ย ร้อยละ 50-80 ผู้ป่วยที่มีอายุน้อยได้ผลดีกว่าอายุมาก เช่น อายุต่ำกว่า 20 ปี มีอัตราการอยู่รอดที่ 5 ปีมากกว่าร้อยละ 80 ขณะที่อายุมากว่า 40 ปี มีอัตราการอยู่รอดที่ 5 ปีเพียงร้อยละ 50

ผู้ป่วยที่รักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน มีอัตราการอยู่รอดที่ 5 ปี ราวร้อยละ 50-75 แต่มีโอกาสโรคกลับกำเริบใหม่ และอาจเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันแทรกซ้อน   

ส่วนผู้ที่เป็นโรคนี้รุนแรงและเรื้อรัง หากไม่ได้รับการรักษาหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษามีโอกาสเสียชีวิตใน 18-24 เดือนถึงร้อยละ 80


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้เรื้อรัง ซีด มีจุดแดงจ้ำเขียวหรือเลือดออก ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นไขกระดูกฝ่อ ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด


การป้องกัน

ส่วนใหญ่ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล การหลีกเลี่ยงการใช้ยาและการสัมผัสสารเคมีที่เป็นสาเหตุของโรคนี้ อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้

ข้อแนะนำ

โรคนี้หากเป็นเล็กน้อย หรือถึงเป็นรุนแรงแต่ได้รับการดูแลรักษาอย่างจริงจัง มีทางรักษาให้หายได้ ดังนั้นหากสงสัย ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว และควรให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยให้มีความอดทนในการติดต่อรักษากับแพทย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
#45
"สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน" สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า "การขายของมันได้จับเงินทุกวัน" นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า...จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า...การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน "มันทำได้จริง"
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด"ผลลัพธ์"กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ "เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว"

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ "เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น"
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479

#46
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
"NEWTECH INSULATION" ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
"เพราะเรา...เข้าใจเรื่องเสียง"


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: [email protected]
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/

#47
บริกการรถรับจ้างขนย้ายบ้านราชบุรี ความหลากหลายให้เลือกใช้บริการ

การขนส่งสินค้าและบริการรถรับจ้างเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจและการพัฒนาทางสังคมในทุกพื้นที่ ในช่วงสมัยที่เทคโนโลยีและความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องการ บริการรถรับจ้างขนของราชบุรี ก็มีความหลากหลายที่ให้ผู้ใช้บริการได้เลือกใช้ตามความต้องการและสะดวกสบายของตนเองรถ 6 ล้อรับจ้าง

ราชบุรีเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทางการคมนาคมอย่างมากในภาคกลางของประเทศไทย ด้วยการเชื่อมโยงทางการขนส่งทางบกที่สำคัญและการเผยแพร่ข้อมูลที่ทันสมัย บริการรถรับจ้างขนของราชบุรี ได้เสนอความหลากหลายในทางเลือกและการบริการที่ทันสมัยเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการในสมัยปัจจุบัน

ในบทความนี้เราจะสำรวจและสรุปภาพรวมเกี่ยวกับบริกการรถรับจ้างขนของราชบุรี ซึ่งรวมถึงความหลากหลายของบริการ การพัฒนาคุณภาพ และนวัตกรรมที่นำเข้ามาใช้ในการบริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการทุกคน ด้วยความหวังว่าข้อมูลที่ได้รับจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่านในการเลือกใช้บริการรถรับจ้างขนของราชบุรีอย่างมีสุขภาพใจและมั่นใจได้อย่างแท้จริง ต่อไปเราจะสำรวจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วยความลึกซึ้งและครบถ้วนในส่วนต่อไปของบทความนี้ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่โลกของบริกการรถรับจ้างขนของราชบุรี ที่มีการพัฒนาและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในสมัยปัจจุบันและอนาคต

   
ความหลากหลายของรถที่ให้บริการ

การบริการรถรับจ้างขนของราชบุรีมีความหลากหลายทั้งในเชิงประเภทของรถที่ให้บริการและความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ภายในวงการนี้ รถกระบะ รถหกล้อ และรถสิบล้อ เป็นตัวอย่างของความหลากหลายที่สร้างความยืดหยุ่นในการให้บริการ โดยมุ่งเน้นการตอบสนองต่อความต้องการและความหลากหลายของลูกค้าที่มีความต่างกัน

1. รถกระบะ

รถกระบะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าที่มีปริมาณสินค้าหรือพัสดุน้อยๆ และต้องการความรวดเร็วในการขนย้ายสิ่งของ รถกระบะมักจะมีขนาดเล็กทำให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ที่จำกัดได้ง่าย นอกจากนี้ ค่าบริการของรถกระบะยังมีแนวโน้มที่จะเป็นราคาที่เข้าถึงได้สำหรับลูกค้าทั่วไป

2. รถหกล้อ

รถหกล้อเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการขนย้ายสินค้าหนักหรือมีปริมาณมาก เช่น การขนสินค้าในการก่อสร้างหรือขนบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ รถหกล้อมักมีความจุขนส่งที่มากขึ้นและสามารถรองรับน้ำหนักที่มากกว่า ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจหรือโครงการที่มีขนาดใหญ่

3. รถสิบล้อ

รถสิบล้อเป็นตัวเลือกที่มีความยืดหยุ่นสูงในการขนสินค้าที่มีปริมาณมากและมีความหนักสูง มักจะให้บริการในระยะทางที่ยาวไกล รถสิบล้อมีความสามารถในการบรรจุสินค้าได้มากมาย และมีการติดตั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบตรวจสอบการเดินทางและการติดตามตำแหน่ง เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะการขนส่งได้ในเวลาจริง

ด้วยความหลากหลายนี้ บริการรถรับจ้างขนของราชบุรี สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ การเลือกใช้บริการจาก รถกระบะ รถหกล้อ หรือรถสิบล้อ จะช่วยให้การขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นรับจ้างขนของ

   
ความหลากหลายของการบริการ

การบริการขนส่งและการรับจ้างรถมีความหลากหลายอย่างที่สอดคล้องกับความต้องการและสิ่งที่ต้องการขนย้ายของลูกค้าที่แตกต่างกันไป ต่อไปนี้คืออธิบายเกี่ยวกับความหลากหลายของการบริการที่มีอยู่

    ขนย้ายบ้าน หอ คอนโด : บริการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการย้ายที่อยู่ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ห้องในหอพัก หรือคอนโดมิเนียม การบริการนี้รวมถึงการให้บริการทั้งกระบวนการขนย้ายและการจัดการทรัพย์สินต่างๆ ให้กับลูกค้าให้สะดวกสบายและไม่มีความเครียดในขณะย้ายถิ่นที่อยู่ของพวกเขา
    ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ : บริการนี้มุ่งเน้นการขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เช่น เตียง โต๊ะ ตู้เสื้อผ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้ลูกค้าสามารถย้ายเฟอร์นิเจอร์ไปยังที่อยู่ใหม่โดยไม่มีปัญหาในการขนส่ง
    ขนย้ายเครื่องจักร : บริการนี้เหมาะสำหรับการขนย้ายเครื่องจักรหนักหรือของมหาศาลที่ต้องการความระมัดระวังในการขนส่งและการจัดการ มักจะต้องใช้รถพ่วงหรือรถหนักในการขนย้าย
    ขนย้ายต้นไม้ : บริการนี้เหมาะสำหรับการขนย้ายต้นไม้ขนาดใหญ่ เช่น ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่หรือต้นไม้ที่ต้องการการรักษาพิเศษในระหว่างการขนย้าย
    ขนย้ายรถมอไซค์ : บริการนี้มุ่งเน้นการขนย้ายรถจักรยานยนต์หรือรถมอไซค์ไปยังสถานที่ปลายทางโดยปลอดภัยและถูกกฎหมาย
    บริการขนส่งสินค้า : บริการนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการขนส่งสินค้าไปยังสถานที่ปลายทาง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าทั่วไปหรือสินค้าที่ต้องการการจัดการและการบริการพิเศษ เช่น สินค้าที่ต้องการความระมัดระวังในการขนส่ง
    บริการรถรับจ้างทั่วไป : บริการนี้เป็นการให้บริการรถรับจ้างทั่วไปสำหรับการขนย้ายของบรรจุหรือส่งผู้โดยสารไปยังสถานที่ปลายทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งทางท้องถิ่นหรือการเดินทางระยะไกล โดยมีความสำคัญในการให้บริการด้วยความปลอดภัยและราคาที่เหมาะสมกับลูกค้า

เราขอเสนอ บริการรถรับจ้างขนของราชบุรี พีชภูรีขนส่ง ที่มีความหลากหลายและครอบคลุมทุกรูปแบบของความต้องการในการขนส่งและการย้ายของท่าน ทั้งการย้ายบ้าน หรืออาคารพักอาศัย การขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องจักร และแม้กระทั่งการขนย้ายต้นไม้หรือรถมอไซค์ของท่าน เรามีความสามารถและประสบการณ์ในการให้บริการที่ดีเยี่ยมที่จะพาท่านไปถึงจุดหมายที่ต้องการอย่างปลอดภัยและมั่นใจ ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและใส่ใจในทุกขั้นตอนของการบริการ ทางเรามุ่งมั่นที่จะให้บริการที่ประทับใจและเหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้าทุกท่านเสมอรถรับจ้างขนย้ายต้นไม้

เราใส่ใจในคุณภาพของบริการ และการปฏิบัติงานอย่างมีระเบียบและปลอดภัย ทำให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้บริการของเราทุกครั้ง นอกจากนี้เรายังมีความยืดหยุ่นในการจัดการเวลาและการเดินทาง เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจใช้บริการของเราได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของระยะทาง หรือการจัดการค่าบริการที่เป็นกันเองและเป็นธรรม

ทางเรายินดีต้อนรับทุกท่านที่มองหา บริการรถรับจ้างขนของราชบุรี เพื่อความสะดวกสบายและประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการขนส่งของของคุณ ขอบคุณที่ให้ความสนใจและเป็นส่วนหนึ่งของการเลือกใช้บริการของเรา
#48
เพลง "เห็นสภาพอ้ายแล้วแม่บ่" จากศิลปิน ต้นฮัก พรมจันทร์ ถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่ทั้งเศร้าและซึ้งใจ พระเอกผู้พิการเพราะถูกทำร้าย ต้องใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาที่คอยดูแลไม่เคยทอดทิ้ง ถึงแม้เขาจะไม่สมบูรณ์เหมือนเดิม แต่ความรักแท้ก็ยังคงแข็งแรง ผู้ชายเอ่ยปากตัดพ้อ อยากให้เมียเจอคนที่ดีกว่า ไม่ต้องเหนื่อยกับเขา เพลงนี้สะท้อนพลังของความรักและความเสียสละได้อย่างชัดเจน เหมือนกำลังนั่งชมละครชีวิตจริง



ถ้าใครชอบเพลงลูกทุ่งที่เล่าเรื่องราวความรักแบบดราม่าและกินใจ "เห็นสภาพอ้ายแล้วแม่บ่" ของ ต้นฮัก พรมจันทร์ คือเพลงที่ห้ามพลาด เนื้อหาเล่าถึงพระเอกที่กลายเป็นคนพิการเพราะถูกทำร้าย แต่ยังมีภรรยาคอยเคียงข้างไม่จากไปไหน ถึงแม้จะอยากให้เมียได้สบาย ได้พบเจอคนที่ดีกว่า แต่ก็สะท้อนถึงความรักที่ลึกซึ้งและมั่นคง เพลงนี้ฟังแล้วอินเหมือนกำลังดูละครชีวิตจริง ๆ

"เห็นสภาพอ้ายแล้วแม่บ่" บทเพลงดังจาก ต้นฮัก พรมจันทร์ ถ่ายทอดความรักแท้ที่ไม่ยอมแพ้อุปสรรค พระเอกที่พิการจากการถูกทำร้าย รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระ จึงอยากให้เมียได้พบเจออนาคตที่ดีกว่า แต่สิ่งที่คนฟังสัมผัสได้คือความรักอันยิ่งใหญ่ที่ภรรยามีให้ไม่เสื่อมคลาย เพลงนี้ทำให้หลายคนเชื่อในคำว่า รักแท้ และอินไปกับเสียงร้องที่ตรงไปตรงมาของต้นฮัก
#49
รถขนของไปต่างจังหวัด รถกระบะรับจ้างพระราม9 บริการตรงต่อเวลา รวดเร็ว ราคาเป็นกันเอง

รถกระบะรับจ้างพระราม9 ยังคงให้บริการแม้ฟ้าจะมืด ตอนดึก คุณสามารถเรียกใช้บริการ รับจ้างขนของแถวพระราม9 ย้ายคอนโด ย้ายอพาร์ทเม้น ย้ายห้อง ย้ายบ้าน ขนย้ายสินค้าทั่วไปได้ตลอดเวลา เพียงแค่นัดหมายสถานที่และเวลา ทาง รถสี่รับจ้างเขตพระราม9 จะไปให้บริการตามจุดนัดหมายเลยทันที มีคนยกไว้บริการช่วยขนย้ายสินค้าซึ่ง รถรับจ้างกรุงเทพของเราสามารถวิ่งให้บริการได้ทั่วทุกเขต ปริมณฑลและต่างจังหวัด สำหรับลูกค้าที่ต้องการขนย้ายของด่วน วิ่งภายในกรุงเทพระยะทางใกล้ๆหรือไกลสามารถแจ้ง รถกระบะรับจ้างพระราม9 เราได้ทันทีเรายินดีบริการท่านอย่างด่วนๆ โทรขอราคาพิเศษได้เลยทันทีได้


รถกระบะรับจ้างขนของพระราม9 เน้นความพอใจของผู้ใช้บริการ

รถกระบะรับจ้างขนของพระราม9 มีเครือข่ายคลอบคลุมทุกพื้นที่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในพื้นที่ไหนในเขตพระราม9 จังหวัดกรุงเทพ การใช้เวลาในการไปถึงสถานที่ที่นัดหมายของรถรับจ้างเขตพระราม9จึงรวดเร็วไม่ต้องรอนาน รถขนของ4ล้อของเราคันไหนอยู่ใกล้ เราก็จะให้รถคันนั้นวิ่งเข้าให้บริการในทันที และสิ่งที่รถกระบะรับจ้างเขตพระราม9อยากรู้มาก ๆ นั่นก็คือ จำนวนสิ่งของที่จะให้ขนย้าย หรือจำนวนสินค้าที่จะให้ขนส่ง เพื่อที่รถรับจ้างเขตพระราม9จะได้ประมาณการสิ่งของและจัดรถรับจ้างที่เหมาะสมไปให้ หรือทางผู้ใช้บริการอาจจะกำหนดประเภทรถรับจ้างไว้เลยก็สามารถทำได้ เรียกว่าความพอใจของผู้ใช้บริการต้องมาก่อนเสมอ

รถสี่ล้อรับจ้างพระราม9 กับความเป็นมืออาชีพ

การที่ รถสี่ล้อรับจ้างแถวพระราม9 มีรถรับจ้างให้บริการเป็นจำนวนมากและมีความหลากหลายรูปแบบ เช่น รถสี่ล้อใหญ่รับจ้างพระราม9 ซึ่งเป็นรถขนของที่มีขนาดใหญ่กว่าปิ๊คอัพมากพอควร และ รถปิ๊คอัพรับจ้าง รถกระบะขนของ เป็นต้น ความเป็นมืออาชีพ และประสบการณ์อันยาวนาน การมีทีมงานที่เพียงพอผ่านงานมาหลายประเภทงาน  บ่งบอกได้ว่ารถรับจ้างเขตพระราม9ทำงานอย่างมีระบบและมีความเป็นมืออาชีพของขนส่ง การเรียกใช้บริการจากมืออาชีพนอกจากจะให้บริการในราคาประหยัดแล้วคุณยังได้รับการบริการที่เปี่ยมด้วยคุณภาพอีกด้วย

รถรับจ้าง4ล้อพระราม9 ตั้งใจมอบบริการที่ดีที่สุด

รถรับจ้าง4ล้อพระราม9 ให้บริการตามจุดต่าง ๆ ใกล้ ๆ คุณ สามารถเรียกใช้บริการรถรับจ้างเขตพระราม9ได้ทุกเวลา ที่สำคัญราคาไม่แพง บริการด้วยใจ ทำงานกันอย่างเต็มพี่ เพื่อมอบการบริการที่ดีที่สุดให้กับคุณ จุดใกล้ๆเขตโดยรอบเราก็วิ่งให้นะคะ เรามีคนยกสินค้าว้บริการคุณด้วย ถ้าหากสินค้าไม่มากเราก็ไม่ติดปัญหาใดๆในการช่วยยกนะคะ

เขตพระราม9จัดว่าเป็นเขตที่น่าอยู่และมีความเจริญเติบโตมาเป็นลำดับ เพราะมี คอนโด อพาร์ทเม้น บ้าน และใกล้ BTS  เช่นเดียวกับ รถรับจ้างพระราม9 ที่เจริญเติบโตมาเป็นลำดับเช่นกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รถรับจ้างเขตพระราม9 มีการขนย้ายของจำนวนมากและบ่อยครั้ง ซึ่งมีรถที่ให้บริการได้แก่ รถสี่ล้อรับจ้างพระราม9 รถปิ๊คอัพรับจ้างพระราม9 รถ4ล้อใหญ่รับจ้างพระราม9 รถกระบะรับจ้างขนย้ายบ้านพระราม9 รถรับจ้างขนของพระราม9 รถเฮียบรับจ้างพระราม9 เป็นต้น

สำหรับผู้ใช้บริการทั้งรายเก่ารายใหม่ที่มาใช้บริการอย่างไม่ขาดสายในแต่ละวัน พร้อมชื่นชมการทำงานของรถรับจ้างเขตพระราม9 ทางเราขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ และหวังว่าจะได้รับใช้ทุกท่านอีกครั้ง

ซึ่งเราได้ให้บริการผู้คนจำนวนมากที่เวียนมาใช้บริการอย่างต่อเนื่องมีทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ต่างก็ให้ความไว้วางใจเรียกใช้บริการรถรับจ้างเขตพระราม9ด้วยดีเสมอมา สนใจบริการ รถรับจ้าง ของเรา สามารถติดต่อเข้ามาได้


บริการรถกระบะรับจ้างขนของ ราคาถูกใจ วิ่งทั่วไทยได้ราคาถูก

การเตรียมการพร้อมสรรพของ รถกระบะรับจ้างพระราม9 รถรับจ้างเขตพระราม9มีการเตรียมการเป็นอย่างดีเพื่อรองรับเศรษฐกิจที่เติบโตของเขตพระราม9 โดยทางเรามีรถรับจ้างจำนวนมากไว้บริการ เพราะลูกค้าในแต่ละวันมีหลายราย รถรับจ้างเขตพระราม9 ในกรุงเทพของเราพร้อมที่จะ รับจ้างย้ายบ้าน รับจ้างย้ายคอนโด ขนย้ายห้องพัก ขนย้ายหอ และ รับจ้างขนของอื่นๆ จาก รถกระบะขนของ
#50
ตรวจสุขภาพมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง (Colorectal cancer)

มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง เป็นมะเร็งที่พบได้เป็นอันดับที่ 3 ของมะเร็งในผู้ชาย และอันดับที่ 2 ของมะเร็งในผู้หญิง พบได้ในวัยรุ่นจนถึงผู้สูงอายุ แต่ส่วนใหญ่จะพบในกลุ่มคนอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป (พบถึงร้อยละ 90 ของผู้ป่วยทั้งหมด) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอายุ 60-79 ปี มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งชนิดนี้ ในปัจจุบันพบว่ากลุ่มคนอายุ 20-49 ปี มีโอกาสพบโรคนี้เพิ่มมากขึ้น

สาเหตุ

ยังไม่ทราบชัดเจน พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่

    การมีติ่งเนื้อเมือกในลำไส้ใหญ่ (adenomatous polyps) ซึ่งอาจตรวจพบโดยบังเอิญ หรือมาพบแพทย์ด้วยอาการถ่ายเป็นเลือด หากปล่อยไว้ไม่ได้ตัดออก มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
    มีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งชนิดนี้มากกว่าผู้ที่ไม่มีประวัติดังกล่าว หากมีคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่า 1 คน ก็มีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
    มีประวัติคนในครอบครัว (พ่อหรือแม่) เป็นโรคพันธุกรรม ได้แก่ (1) โรค Familial adenomatous polyposis (FAP) ผู้ป่วยจะมีติ่งเมือกจำนวนมากเกิดขึ้นในลำไส้ใหญ่ตั้งแต่อายุน้อย และกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ก่อนอายุ 40 ปี หรือ (2) โรค Hereditary non-polyposis colorectal cancer (HNPCC) หรือ Lynch syndrome นอกจากทำให้ผู้ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่แล้ว ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งของอวัยวะอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ตับอ่อน ถุงน้ำดี ท่อน้ำดี ตับ ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก รังไข่ เยื่อบุมดลูก สมอง ผิวหนัง เป็นต้น ซึ่งมักเกิดมะเร็งเหล่านี้ตั้งแต่อายุก่อน 50 ปี และผู้ป่วยเป็นมะเร็งได้มากกว่า 1 ชนิด

ผู้ที่มีพ่อหรือแม่เป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดใดชนิดหนึ่งข้างต้น มักจะได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรม (ยีน) จากพ่อหรือแม่ ทำให้เป็นโรคดังกล่าวตามมาได้

    มีประวัติเป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง ได้แก่ โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง (ulcerative colitis) โรคโครห์น (Crohn's disease /CD) เพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่มากขึ้น 4-20 เท่า
    การมีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ รังไข่ มดลูก หรือเต้านมมาก่อน
    การมีประวัติได้รับการฉายรังสีรักษามะเร็งชนิดอื่นที่บริเวณท้องมาก่อน
    การกินอาหารพวกเนื้อแดงที่แปรรูป (เช่น ฮอตดอก แฮม) หรือเนื้อแดง (เนื้อหมู เนื้อวัว) ในปริมาณสูง อาหารที่มีไขมันสูง
    การกินอาหารที่มีกากใย (ผัก ผลไม้) น้อย
    การสูบบุหรี่
    การดื่มสุราจัด
    การขาดการออกกำลังกาย
    มีภาวะอ้วนหรือเป็นเบาหวาน ก็ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งชนิดนี้สูงขึ้น

อาการ

ระยะแรกมักไม่มีอาการแสดง ต่อมาเมื่อมะเร็งลุกลามมากขึ้นก็จะมีอาการผิดปกติต่าง ๆ ขึ้นกับตำแหน่งและขนาดของมะเร็ง เช่น มีอาการท้องผูกสลับท้องเดินแบบเรื้อรัง ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือดเรื้อรัง หรือถ่ายเป็นเลือดสด (ทำให้คิดว่าเป็นเพียงริดสีดวงทวาร) อุจจาระมีขนาดเล็กกว่าแท่งดินสอ มีอาการปวดท้อง หรือมีลมในท้องเรื้อรัง มีอาการปวดเบ่งที่ทวารหนักคล้ายปวดถ่ายอยู่ตลอดเวลา หรืออาจคลำได้ก้อนในท้องบริเวณด้านขวาตอนล่าง บางรายอาจมีอาการของลำไส้อุดกั้น คือปวดบิดในท้อง ท้องผูก ไม่ผายลม ซึ่งจะเป็นอยู่เพียงชั่วครู่และทุเลาไปได้เอง และกลับกำเริบใหม่เป็นครั้งคราว บางรายอาจมีอาการซีด อ่อนเพลีย น้ำหนักลด

ภาวะแทรกซ้อน

อาจเกิดภาวะโลหิตจางจากการเสียเลือด ลำไส้เกิดการอุดกั้นจากก้อนมะเร็ง

มะเร็งมักลุกลามไปที่อวัยวะข้างเคียง ในช่องท้อง (ทำให้ปวดท้อง ท้องมาน) ต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง แอ่งเหนือไหปลาร้า และในระยะท้ายมักแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปที่ปอด (เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก), ตับ (เจ็บชายโครงขวา ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องมาน), กระดูก (ปวดกระดูก กระดูกพรุน กระดูกหัก ปวดหลัง ไขสันหลังถูกกดทับ) และอาจไปที่สมอง (ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ  แขนขาชา และเป็นอัมพาต ชัก)

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้นิ้วตรวจทางทวารหนักพบก้อนเนื้องอกที่ทวารหนัก (ไส้ตรง) หรือตรวจพบเลือดในอุจจาระ

แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการเอกซเรย์ลำไส้ใหญ่โดยการสวนแป้งแบเรียม (barium enema) การใช้กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ และตัดชิ้นเนื้อนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจหาระดับสารบ่งชี้มะเร็ง (tumor marker) ได้แก่ สารซีอีเอ (carcinoembryonic antigen/CEA ซึ่งมีส่วนช่วยในการวินิจฉัยและการติดตามผลการรักษา)

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI), การตรวจเพทสแกน (PET scan) เป็นต้น เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมกับรังสีบำบัดหรือเคมีบำบัด บางรายอาจต้องผ่าตัดเปิดรูถ่ายอุจจาระที่หน้าท้อง (colostomy)

ในระยะที่มะเร็งแพร่กระจายอาจให้อิมมูนบำบัด และ/หรือการใช้ยาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy drug) ร่วมด้วย

ผลการรักษา ถ้าตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม การรักษาด้วยการผ่าตัดสามารถทำให้หายขาดได้ ในรายที่มีการลุกลามทะลุผนังลำไส้และต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง การผ่าตัดร่วมกับเคมีบำบัด และ/หรือรังสีบำบัด ก็สามารถช่วยให้มีชีวิตยืนยาวได้นานหลายปี (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 65-90) แต่ถ้ามะเร็งแพร่กระจายไปไกล การรักษาก็มักจะได้ผลไม่สู้ดี (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 10-15) การให้อิมมูนบำบัด และ/หรือการใช้ยาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy drug) อาจช่วยบรรเทาอาการและช่วยให้ชีวิตยืนยาวมากขึ้น

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการท้องผูกสลับท้องเดินแบบเรื้อรัง, ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือดเรื้อรัง, ถ่ายเป็นเลือดสด (อาจทำให้คิดว่าเป็นเพียงริดสีดวงทวาร), อุจจาระมีขนาดเล็กกว่าแท่งดินสอ เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือไส้ตรง ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล อาจลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงด้วยการปฏิบัติ ดังนี้

    กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ
    ลดอาหารพวกไขมันและเนื้อแดง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการดื่มสุราจัด
    หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
    ควบคุมโรคเบาหวาน (ถ้าเป็น) และน้ำหนักตัว

ข้อแนะนำ

1. สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็ง ไม่มีประวัติเป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคติ่งเนื้อเมือกหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ และไม่มีอาการผิดปกติทางระบบลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเมื่อมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้

    การตรวจหาเลือดในอุจจาระ (fecal occult blood test/FOBT ซึ่งในปัจจุบันแนะนำให้ทำการตรวจด้วยวิธี "Fecal immunochemical test/FIT") ถ้าผลเป็นบวก (พบเลือดในอุจจาระ) จะตรวจกรองเพิ่มเติมด้วยการใช้กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ (colonoscopy) ถ้าผลเป็นลบ (ไม่พบเลือดในอุจจาระ) ให้ตรวจซ้ำปีละ 1 ครั้ง
    การใช้กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ (colonoscopy) ทุก 10 ปี
    การถ่ายภาพลำไส้ใหญ่ด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT colonoscopy หรือ virtual colonoscopy) ทุก 5 ปี

สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีพ่อแม่พี่น้องเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือ Familial adenomatous polyposis (FAP) หรือ Hereditary non-polyposis colorectal cancer (HNPCC), ผู้ที่เคยมีประวัติเป็นติ่งเนื้อเมือกในลำไส้ใหญ่ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ รังไข่ มดลูก หรือเต้านมมาก่อน ควรทำการตรวจกรองโรคในช่วงอายุน้อยกว่า 50 ปี (ตั้งแต่อายุ 40 ปี หรือน้อยกว่า) และตรวจถี่กว่าคนปกติทั่วไปตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเห็นสมควร

2. เมื่อมีอาการถ่ายเป็นเลือดสด อย่าคิดว่าเป็นเพียงริดสีดวงทวาร ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจทางทวารหนัก โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี หรือถ่ายออกเป็นเลือดนานและมาก

3. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี