• Welcome to Phuket forum เว็บบอร์ด ภูเก็ต.
 

ข่าว:

SMF - Just Installed!

Main Menu

กระทู้ล่าสุด

#81
ปล่อยรถราคาพิเศษ Mercedes-Benz S580e AMG Premium ปี 2023 มีโปรโมชั่นพิเศษมากมาย

Mercedes-Benz S 580 e AMG Premium ปี 2023 เป็นรถยนต์ Plug-in Hybrid (PHEV) ซาลูนสุดหรูในตระกูล S-Class ที่ประกอบในประเทศไทย (CKD) ซึ่งมาพร้อมกับความหรูหราล้ำสมัยและสมรรถนะอันทรงพลังจากเทคโนโลยี Plug-in Hybrid เจเนอเรชันที่ 4

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 12 มิ.ย. - 30 มิ.ย. 2568
ส่วนลด 1,190,000 บาท
วารันตี เริ่ม 25/12/2023 – 24/12/2026

ราคาพิเศษ 6,390,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

ขุมพลังและสมรรถนะ

Mercedes-Benz S 580 e AMG Premium มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Plug-in Hybrid ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้า:
เครื่องยนต์: เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง (Inline-6) ขนาด 2,999 ซีซี พร้อมเทอร์โบ
ให้กำลังสูงสุด 367 แรงม้า (PS) หรือ 270 kW ที่ 5,500 - 6,100 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 - 4,500 รอบ/นาที

มอเตอร์ไฟฟ้า: มอเตอร์ไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นใหม่ด้วยเทคโนโลยี Plug-in Hybrid เจเนอเรชันที่ 4

ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS)
กำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ: 510 แรงม้า (PS)
แรงบิดรวมสูงสุดทั้งระบบ: 750 นิวตันเมตร
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ประมาณ 5.2 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 250 กม./ชม.
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC)

#82
รีไฟแนนซ์บ้าน VS รีเทนชั่น เลือกแบบไหนคุ้มกว่า

ผ่อนบ้านครบ 3 ปี ใครๆ ก็คิดว่าต้อง รีไฟแนนซ์บ้าน เพราะดอกเบี้ยบ้านปรับเป็นแบบลอยตัว ส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่อเดือนเพิ่มขึ้น หากผู้กู้ต้องการประหยัดดอกเบี้ย จริงๆ แล้วจะมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ 1. การรีไฟแนนซ์บ้าน และ 2. การรีเทนชั่นบ้าน ซึ่งทั้ง 2 วิธี สามารถช่วยลดดอกเบี้ยลงได้จริง แต่วิธีไหนมีเงื่อนไขอย่างไร คุ้มค่าแค่ไหน และเหมาะกับใคร ไปดูกันค่ะ

รีไฟแนนซ์บ้าน VS รีเทนชั่นบ้าน คืออะไร? ดีอย่างไร?

🏠รีไฟแนนซ์บ้าน คือ การนำสินเชื่อบ้านเดิมที่มีอยู่ไปยื่นกู้กับธนาคารใหม่ เพื่อต้องการลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง และผู้กู้จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระต่อเดือนให้น้อยลง และผ่อนหมดเร็วขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปเงื่อนไขหลักๆ ของธนาคารคือผู้กู้จะสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้เมื่อผ่อนชำระมาแล้วครบ 3 ปี

 รีไฟแนนซ์บ้าน ดีอย่างไร?
สามารถเลือกเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่ต่ำกว่า จากธนาคารใหม่ได้
เมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำลง รายจ่ายในการผ่อนชำระต่อเดือนก็จะน้อยลงไปด้วย
ผู้กู้สามารถเลือกขยายระยะเวลาผ่อนชำระให้ยาวขึ้น เพื่อผ่อนชำระต่ำเดือนน้อยลง
ผู้กู้สามารถลดระยะเวลาการผ่อนชำระให้สั้นลง เพื่อให้ผ่อนหมดเร็วขึ้น แต่ยอดผ่อนต่อเดือนก็อาจจะสูงขึ้น

🏠รีเทนชั่นบ้าน คือ การขอลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านกับธนาคารเดิม เมื่ออัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเดิมปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว เป็นการทำธุรกรรมกับธนาคารเดิมที่มีข้อมูลของผู้ขอสินเชื่ออยู่แล้ว ทั้งในเรื่องของเอกสารสัญญา หรือแม้แต่ประวัติการชำระหนี้ การพิจารณาอนุมัติก็จะใช้ข้อมูลที่ธนาคารมีอยู่

 รีเทนชั่นบ้าน ดีอย่างไร?
ไม่ต้องยื่นเอกสารใหม่ เพราะเป็นการทำธุรกรรมกับธนาคารเดิม
อนุมัติเร็ว เพราะธนาคารมีข้อมูลของผู้ขอสินเชื่ออยู่แล้ว
ประหยัดค่าธรรมเนียม เพราะไม่ต้องดำเนินการใดๆ เพิ่มเติม เช่นไม่ต้องประเมินทรัพย์สินใหม่ ไม่ต้องจดจำนองใหม่ ไม่ต้องเสียค่าอากร เป็นต้น
ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจเลือกไม่ว่าจะเป็น การรีไฟแนนซ์บ้าน หรือการรีเทนชั่นบ้าน ผู้ขอสินเชื่อควรทำความเข้าใจเรื่องของ "ดอกเบี้ย" ให้ดี ว่าดอกเบี้ยแบบไหนที่เหมาะกับเรา

เปิดเงื่อนไข รีไฟแนนซ์บ้าน VS รีเทนชั่นบ้าน แบบเป็นอย่างไร เช็กเลย!
สำหรับการรีไฟแนนซ์บ้าน และการรีเทนชั่นบ้าน ต่างก็มีข้อดีด้วยกันทั้ง 2 แบบ แต่ละแบบมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง ลองสำรวจตามเช็กลิสต์ด้านล่างนี้เลยค่ะ

                              หัวข้อ   รีไฟแนนซ์บ้าน                           รีเทนชั่นบ้าน
สถาบันการเงิน   เลือกธนาคารใหม่ที่คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำลง   เป็นการขอลดดอกเบี้ยสินเชื่อกับธนาคารเดิม
อัตราดอกเบี้ย   เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจนพอใจได้   ธนาคารจะเป็นผู้กำหนดอัตราดอกเบี้ยมาให้ ซึ่งจะต่ำลงกว่าอัตราดอกเบี้ยเดิม แต่ก็อาจจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่จะรีไฟแนนซ์ไปธนาคารอื่น

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ   
ค่าประเมินราคา 0.25-2%
ค่าธรรมเนียมในการจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้
ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงิน (ไม่เกิน 10,000 บาท)
ค่าประกันอัคคีภัย ทุกๆ 1 - 3 ปี
ค่าธรรมเนียมอื่นๆ
ค่าธรรมเนียมสินเชื่อ 1 - 2% ของวงเงินกู้
เอกสารที่ต้องใช้   ใช้เอกสารเหมือนยื่นขอสินเชื่อใหม่ทั้งหมด ทั้งเอกสารส่วนบุคคล เอกสารการเงิน และเอกสารหลักประกัน   สัญญาเงินกู้ฉบับเดิม ทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชน
ระยะเวลาอนุมัติ   ประมาณ 2 - 3 สัปดาห์
(ผู้กู้สามารถยื่นเรื่องขอรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ได้ล่วงหน้า 1-2 เดือน ก่อนครบกำหนด 3 ปี เนื่องจากธนาคารจะใช้เวลานานในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ เหมือนขอสินเชื่อใหม่)   ประมาณ 7 วันทำการ

รีไฟแนนซ์บ้าน VS รีเทนชั่นบ้าน เหมาะกับใคร?

✅ รีไฟแนนซ์บ้าน เหมาะสำหรับผู้กู้ที่ยังมียอดหนี้สูงๆ เมื่อคำนวณเปรียบเทียบค่าใช้จ่าย และจำนวนเงินดอกเบี้ยที่จะสามารถประหยัดได้แล้ว ยังคุ้มค่า

 ✅ รีเทนชั่นบ้าน เหมาะสำหรับผู้กู้ที่ยอดสินเชื่อเหลือน้อย อาจจะไม่สามารถรีไฟแนนซ์ได้ตามเงื่อนไขยอดสินเชื่อขั้นต่ำของธนาคาร การเลือกรีเทนชันเพื่อช่วยประหยัดดอกเบี้ยก็ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมค่ะ

 สรุปแล้ว ไม่ว่าจะเลือกการรีไฟแนนซ์บ้าน หรือเลือกรีเทนชั่น ควรคำนวณความคุ้มค่าของทั้ง 2 ทางเลือกก่อนตัดสินใจด้วยนะคะ เพราะสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นสินเชื่อระยะยาว การหาทางเลือก หรือปรับเปลี่ยนทางเลือกให้เหมาะสม จะช่วยให้เราประหยัดเงินได้ และผ่อนบ้านได้หมดไวขึ้นนะคะ
#84
motor show: ซีเคอร์ Zeekr 009 Premium AWD ปี 2025

Zeekr 009 Premium AWD ปี 2025 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า MPV (Multi-Purpose Vehicle) สุดหรูจาก Zeekr (ภายใต้ Geely Group) ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยรุ่น Premium AWD นี้เป็นรุ่นที่เน้นความหรูหรา ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน และสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

ราคาจำหน่ายในประเทศไทย (อย่างเป็นทางการ ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2568)
Zeekr 009 Premium 7-Seats AWD ปี 2025: 3,099,000 บาท
(เทียบกับรุ่น Flagship 6-Seats AWD ที่ราคา 3,159,000 บาท)
มิติตัวถัง
Zeekr 009 เป็น MPV ขนาดใหญ่ที่ให้ความกว้างขวางเป็นพิเศษ:

ความยาว: 5,209 มิลลิเมตร
ความกว้าง: 2,024 มิลลิเมตร
ความสูง: 1,812 มิลลิเมตร (บางแหล่งระบุ 1,858 มม.)
ระยะฐานล้อ: 3,205 มิลลิเมตร
ความสูงใต้ท้องรถ: 142 มิลลิเมตร
น้ำหนักรถเปล่า: 2,870 กิโลกรัม (อาจถึง 2,945 กก. ในบางรุ่นย่อย)
ขุมพลังและสมรรถนะ (Dual Motor AWD)
รุ่น Premium AWD มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) อันทรงพลัง:

มอเตอร์ไฟฟ้า: มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ (Dual Electric Motors) แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor
กำลังรวมสูงสุด: 450 kW หรือประมาณ 603 แรงม้า (HP)
แรงบิดรวมสูงสุด: 693 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่: Lithium-ion (NCM - Nickel Manganese Cobalt) จาก CATL
ความจุแบตเตอรี่: 116 kWh
ระยะทางวิ่งสูงสุด (NEDC): 686 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
ระยะทางวิ่งสูงสุด (WLTP): 582 กิโลเมตร
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 4.5 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 190 กม./ชม.

การชาร์จไฟฟ้า:
AC Charging (Type 2): รองรับสูงสุด 11 kW ชาร์จเต็ม 0-100% ในประมาณ 11.5 - 13.5 ชั่วโมง
DC Fast Charging (CCS Combo): รองรับสูงสุด 150 kW (หรืออาจถึง 200 kW ในบางตลาด) ชาร์จจาก 10-80% ในประมาณ 30 นาที
ระบบกู้คืนพลังงาน (Regenerative Braking): มี

ดีไซน์ภายนอก
Zeekr 009 มีดีไซน์ที่โดดเด่น หรูหรา และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในสไตล์ "Illuminated Shield":

กระจังหน้า: ดีไซน์สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ พร้อมเส้นไฟ LED DRLs แนวตั้งที่ส่องสว่างและโดดเด่น (เรียก "Light of Dawn")
ไฟหน้าและไฟท้าย: Full LED ดีไซน์ล้ำสมัย
ล้ออัลลอย: ขนาด 19 นิ้ว (สำหรับรุ่น Premium 7-Seats)
มือจับประตู: แบบ Pop-out (ซ่อนเรียบไปกับตัวรถ)
ประตูสไลด์ไฟฟ้า: ทั้งสองด้านเพื่อความสะดวกสบายในการเข้า-ออก
หลังคากระจก: Dual Glass Roof พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า
ภายในและความสะดวกสบาย
ห้องโดยสารของ Zeekr 009 คือจุดเด่นสำคัญที่เน้นความหรูหราเทียบเท่าห้องโดยสาร First Class และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย:

จำนวนที่นั่ง: 7 ที่นั่ง (ในรุ่น Premium AWD)
เบาะนั่ง: หุ้มด้วยหนัง Nappa คุณภาพสูง
เบาะแถว 2 (Captain Seats): ปรับไฟฟ้าได้หลายทิศทาง มีระบบทำความร้อน ระบายอากาศ และระบบนวด
เบาะแถว 3: เบาะนั่งปรับพนักพิงหลังได้ และพับได้แบบ 50:50 เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ

หน้าจอ:
หน้าจอมาตรวัดดิจิทัล
หน้าจอสัมผัส Infotainment กลางขนาด 15.05 นิ้ว (2.5K OLED CSD Screen)
จอสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง (Central Ceiling Screen) ขนาด 15.6 นิ้ว หรือ 17 นิ้ว (3K OLED Roof Screen) ปรับองศาได้
ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้ารถ (AR-HUD - Augmented Reality Head-Up Display): ขนาด 35.95 นิ้ว
ระบบเสียง: Yamaha Surround Sound System พร้อมลำโพง 23 หรือ 30 ตำแหน่ง
ระบบปรับอากาศ: อัตโนมัติ 3 โซน (Tri-zone Climate Control) พร้อมแผงควบคุมสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Lighting): 256 สี
แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย (Wireless Charger):
ระบบประตูดูด (Soft-Closing Doors):
ช่องเก็บความเย็น/อุ่น (Cooling and Heating Refrigerator): 8.6 ลิตร
ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS)

Zeekr 009 มาพร้อมระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ที่ครอบคลุม (G-Pilot):

ถุงลมนิรภัย: 7 ตำแหน่ง (รวมถุงลมกลางระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารหน้า)
ระบบโครงสร้างตัวถัง: แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ด้วยการใช้โครงสร้างอะลูมิเนียมชิ้นเดียวที่ส่วนท้าย (One-Piece Rear-End Aluminium)
ระบบช่วงล่างถุงลมไฟฟ้า (Air Suspension): พร้อมระบบกันสะเทือน CCD Electromagnetic Vibration Reduction System ช่วยเพิ่มความนุ่มนวลและเสถียรภาพในการขับขี่

ระบบ ADAS ขั้นสูง (มากกว่า 20 ฟังก์ชัน):
Adaptive Cruise Control (ACC) พร้อม Stop & Go
Lane Keeping Assist (LKA) และ Lane Departure Warning (LDW)
Blind Spot Monitoring (BSM) และ Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
Forward Collision Warning (FCW) และ Automatic Emergency Braking (AEB) พร้อมตรวจจับคนเดินเท้าและจักรยาน
Traffic Jam Assist (TJA)
ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา (Surround View Cameras) พร้อมฟังก์ชัน 3D Enhanced View และ Transparent Chassis (มองทะลุพื้น)
เซ็นเซอร์อัลตราโซนิกและเรดาร์คลื่นมิลลิเมตร
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (Automatic Parking Assist)
ระบบ Vehicle to Load (V2L): สามารถจ่ายไฟออกสู่ภายนอกสูงสุด 3.3 kW

Zeekr 009 Premium AWD ปี 2025 เป็น MPV ไฟฟ้าที่นำเสนอความหรูหรา สะดวกสบาย เทคโนโลยี และสมรรถนะระดับสูง ทำให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับครอบครัวใหญ่หรือผู้ที่มองหารถยนต์สำหรับผู้บริหารในประเทศไทยครับ.
#85
จัดฟันบางนา: ตอบข้อสงสัย ! เครื่องมือ จัดฟันแบบใส ใส่แล้วรู้สึกรำคาญไหม ?

การจัดฟันแบบใส เป็นนวัตกรรมการจัดเรียงฟันในรูปแบบใหม่ ที่เป็นที่นิยมมาก มีเอกลักษณ์ก็คือ สามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันได้ ขณะรับประทานอาหารและขณะแปรงฟัน ซึ่งทำให้สะดวกสบายและมีความหลากหลายในการรับประทานอาหาร นอกจากนี้ยังทำให้มองเห็นเครื่องมือการจัดฟันแบบใสได้ยากอีกด้วย ทำให้ไม่เสียบุคลิกภาพเวลาพูดคุยอีกด้วย เพราะเมื่อใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบใสแล้ว ทำให้รู้สึกกระชับเพราะเครื่องมือมีความบาง ใส เป็นแบบครอบตัวฟัน จึงทำให้ไม่รู้สึกระคายเคือง หรือทำให้พูดไม่ชัด และเครื่องมือมีการถอดและใส่ที่ง่าย ไม่ต้องออกแรงในการดึงเครื่องมืออีกด้วย

หลายคนที่กำลังตัดสินใจที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใส มีความกังวลว่า ถ้าสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบใส จะเกิดความรำคาญหรือไม่ หรือเกิดการระคายเคืองหรือไม่ ตอบเลยว่า ไม่ เพราะเครื่องมือการจัดฟันแบบใส จะเป็นพอลิเมอร์บางๆ ใสๆ มาใส่ครอบฟันเพื่อปรับโครงสร้าง ตำแหน่ง และการเรียงตัวของฟัน แทนการใส่เหล็กจัดฟันที่เรามักจะเห็นได้ทั่วไป

โดยผู้เข้ารับการรักษาจะต้องใส่ตลอดเวลา เป็นประจำอย่างน้อย 20-22 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งจะมีความสะดวกมากกว่าจึงแทบไม่รู้สึกรำคาญหรือระคายเคืองในช่องปากเลย แม้เวลาทำกิจกรรมต่างๆ เว้นแต่เวลาจะรับประทานอาหารและขณะแปรงฟันผุ้เข้ารับการรักษาจะต้องคอยถอดเครื่องมือออกทุกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีวินัยมากๆในการใส่เครื่องมือจัดฟัน หากละเลยหรือไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ก็อาจจะทำให้การวางแผนและผลการรักษา เกิดความคลาดเคลื่อนได้ ซึ่งบางกรณีอาจจะส่งผลให้เกิดความล้มเหลวในการรักษา

ทั้งนี้เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ไม่ทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกรำคาญ แต่เพียงจะต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมืออย่างต่อเนื่อง และต้องทำความสะอาดเครื่องมืออย่างถูกวิธีเพื่อไม่ให้เกิดคราบสิ่งสกปรกและการสะสมของเชื้อโรค เพราะอาจจะทำให้ฟันผุ หรือเกิดปัญหาอื่นๆตามมาได้ ทางคลีนิคเรามีทีมทันตแพทย์คอยให้คำแนะนำในเรื่องของการจัดฟันแบบใส หากมีข้อสงสัยหรือต้องการจะเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถปรึกษาทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญได้ที่คลีนิค โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
#86
  081-3462818 ซ่อมประตูม้วน,ซ่อมมอร์เตอร์ประตูม้วน ซ่อมเพลาประตูม้วนระบบมือดึง ประตูม้วนหนัก,ประตูม้วนหลุดราง
ซ่อมประตูม้วน รับประกัน 6 เดือนอาการเดิม
ติดตั้งประตูม้วน รับประกันงาน1 ปี


ซ่อมประตูม้วนทุกระบบ รับซ่อมประตูม้วนด่วน
ประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ได้รับความไว้วางใจมากมาย

วิเคราะห์อาการเสีย - เสนอราคาแจ้งให้ลูกค้าทราบทุกครั้ง

ประตูม้วนผลงาน คลิ๊ก http://bit.ly/2N2PiHe
ประตูม้วนช่างชัย  ทั่วกรุงเทพ-ปริมณฑล
โทร-ไลน์  081-3462818

#88
Doctor At Home: ภาวะพร่องแล็กเทส (Lactase deficiency)

แล็กเทส เป็นเอนไซม์ที่สร้างโดยเยื่อบุลำไส้เล็ก ทำหน้าที่ย่อยแล็กโทส (lactose) ซึ่งเป็นน้ำตาลที่มีอยู่ในน้ำนม (ทั้งนมมารดา นมวัว และนมแพะ) ให้แตกออกเป็นกลูโคสและกาแล็กโทส (galactose) ซึ่งมีขนาดเล็กลง ง่ายต่อการดูดซึม ถ้าหากลำไส้พร่องเอนไซม์ชนิดนี้ น้ำตาลแล็กโทสจะไม่ถูกย่อย และไม่ถูกลำไส้ดูดซึม ทำให้มีการดึงดูดน้ำเข้ามาในลำไส้ เกิดอาการท้องเดิน และเมื่อแล็กโทสผ่านลงไปในลำไส้ใหญ่ก็จะมีการทำปฏิกิริยากับแบคทีเรีย เกิดแก๊ส (ลม) ในลำไส้ (ทำให้ท้องอืด) กรดแล็กติก และสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดซึ่งจะออกมาในอุจจาระ (ทำให้ท้องเดิน)

ภาวะนี้พบในคนทุกวัย มักเริ่มพบตั้งแต่ในช่วงวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว พบได้น้อยในทารก

อาการท้องเดินที่เกิดจากภาวะนี้ มักจะเรียกว่า ภาวะไม่ทนต่อแล็กโทส (lactose intolerance)

สาเหตุ

ส่วนใหญ่เป็นภาวะพร่องแล็กเทสชนิดปฐมภูมิ ซึ่งไม่มีสาเหตุชักนำ เป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของลำไส้เล็กที่มีการสร้างเอนไซม์ชนิดนี้มากตอนแรกเกิด และจะค่อย ๆ สร้างได้น้อยลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเข้าสู่วัยเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ มักจะเริ่มปรากฏอาการท้องเดินเมื่ออายุประมาณ 3-5 ปี

บางรายอาจเป็นภาวะพร่องแล็กเทสชนิดทุติยภูมิ ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อที่พบบ่อย ได้แก่ ท้องเดินจากไวรัสโรตาในทารก ท้องเดินจากเชื้อไกอาร์เดีย การติดเชื้อฉวยโอกาสในผู้ป่วยเอดส์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการผ่าตัดลำไส้ออกไปปริมาณมาก ทำให้ลำไส้สร้างเอนไซม์แล็กเทสได้น้อยลง

ส่วนน้อยอาจเกิดจากความผิดปกติโดยกำเนิด ซึ่งสามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ทำให้ผู้ป่วยพร่องเอนไซม์ชนิดนี้ตั้งแต่แรกเกิด และจะมีอาการแสดงของโรคนี้ไปจนตลอดชีวิต


อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการผิดปกติทางลำไส้เกิดขึ้นหลังบริโภคนมหรือผลิตภัณฑ์จากนม (เช่น ไอศกรีม น้ำสลัด เนย นมช็อกโกแลต) ประมาณ 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมง อาการมากน้อยขึ้นกับความรุนแรงของภาวะพร่องแล็กเทสและปริมาณแล็กโทสที่บริโภค

ในรายที่เป็นไม่มาก มักมีอาการมีลมในลำไส้มาก ท้องอืด คลื่นไส้ และปวดบิดในท้อง โดยไม่มีอาการท้องเดิน

ในรายที่เป็นมากมักมีอาการท้องเดิน (ถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเหลว) ร่วมด้วย ส่วนปริมาณนมที่บริโภคจนทำให้เกิดอาการท้องเดินนั้นแปรผันไปตามผู้ป่วยแต่ละราย บางรายดื่มนมได้วันละ 1-2 แก้วก็ไม่เกิดอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย แต่บางรายเพียงดื่มนมปริมาณเล็กน้อยก็เกิดอาการท้องเดิน


ภาวะแทรกซ้อน

โดยทั่วไปมักไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง นอกจากสร้างความรำคาญ ส่วนทารกและเด็กเล็กที่อาศัยนมเป็นอาหารหลัก หากเกิดอาการท้องเดินเรื้อรังก็อาจทำให้น้ำหนักตัวไม่ขึ้นได้

โอกาสที่จะเป็นรุนแรงถึงขั้นขัดขวางการดูดซึมจนน้ำหนักลดและขาดสารอาหารนั้นมีน้อยมาก ถ้าพบมักเกิดจากการดูดซึมผิดปกติด้วยสาเหตุอื่น


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการเป็นหลัก

ส่วนใหญ่มักตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน รวมทั้งภาวะขาดน้ำ

บางครั้งอาจพบอาการท้องอืด หรือได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของลำไส้

ในรายที่มีอาการเรื้อรังและไม่แน่ใจในการวินิจฉัย แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม ส่วนใหญ่จะทำการตรวจระดับไฮโดรเจนในลมหายใจ (hydrogen breath test) ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะพบว่ามีค่าสูงกว่าปกติ ส่วนทารกและเด็กเล็กอาจทำการตรวจหาระดับความเป็นกรดในอุจจาระ (stool acidity test) ซึ่งจะพบว่าสูงกว่าปกติ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. สำหรับผู้ป่วยที่เคยดื่มนมได้แต่เกิดภาวะพร่องแล็กเทสหลังเป็นโรคติดเชื้อ เมื่อรักษาจนโรคติดเชื้อหายดีแล้ว เยื่อบุลำไส้มักจะฟื้นตัวและสร้างแล็กเทสได้เป็นปกติภายใน 3-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยก็สามารถกลับมาบริโภคนมได้เหมือนเดิม ระหว่างรอฟื้นตัว แนะนำให้ผู้ป่วยงดบริโภคนม ให้บริโภคถั่วเหลือง เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ (ในทารกอาจให้กินนมถั่วเหลือง) แทน

2. สำหรับผู้ที่มีภาวะพร่องแล็กเทสเรื้อรัง (เป็นโดยกำเนิดหรือเกิดจากสาเหตุที่แก้ไขไม่ได้) อาการท้องเดินมักจะกำเริบหลังบริโภคนมทุกครั้ง ก็จะให้คำแนะนำให้ผู้ป่วยในการปฏิบัติตัวดังนี้

    ดื่มนมครั้งละน้อย (น้อยกว่า 200 มล.) หรือดื่มพร้อมอาหารมื้อหลัก หรือบริโภคโยเกิร์ต (ซึ่งผ่านการย่อยจากแบคทีเรียมาระดับหนึ่งแล้ว) ก็อาจไม่ทำให้เกิดอาการได้ หรือลดอาการให้น้อยลงได้
    ถ้าไม่ได้ผลให้ผู้ป่วยบริโภคถั่วเหลือง เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ในทารกอาจให้กินนมถั่วเหลือง
    ในรายที่จำเป็นต้องงดบริโภคนมโดยเด็ดขาด ควรบริโภคโปรตีน แคลเซียม และสารอาหารอื่น ๆ ที่มีอยู่ในนมจากแหล่งอาหารอื่น (เช่น ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ งา ถั่วต่าง ๆ เต้าหู้ ปลาเล็กปลาน้อย ปลากระป๋อง ผักใบเขียว) ถ้าจำเป็นอาจให้กินยาเม็ดแคลเซียมเสริมเพื่อการสร้างกระดูก (การเจริญเติบโตของร่างกายเด็ก) และป้องกันภาวะกระดูกพรุน (ในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ)
    ในรายที่ต้องการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนมต่อไป อาจต้องให้กินเอนไซม์แล็กเทส (ในรูปของยาเม็ด) ควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดอาการได้

3. ในรายที่ให้การดูแลรักษาแล้วไม่ทุเลา หรือมีอาการเรื้อรัง และสงสัยว่าอาจเกิดจากสาเหตุอื่น แพทย์จะทำการชันสูตรเพิ่มเติมและให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการท้องเดินนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นภาวะพร่องแล็กเทส ควรดูแลรักษา และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ ดังนี้

    ดื่มนมครั้งละน้อย (น้อยกว่า 200 มล.) หรือดื่มพร้อมอาหารมื้อหลัก หรือบริโภคโยเกิร์ต (ซึ่งผ่านการย่อยจากแบคทีเรียมาระดับหนึ่งแล้ว) ก็อาจไม่ทำให้เกิดอาการได้ หรือลดอาการให้น้อยลงได้
    ถ้าไม่ได้ผลให้ผู้ป่วยบริโภคถั่วเหลือง เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ในทารกอาจให้กินนมถั่วเหลือง
    ในรายที่จำเป็นต้องงดบริโภคนมโดยเด็ดขาด ควรบริโภคโปรตีน แคลเซียม และสารอาหารอื่น ๆ ที่มีอยู่ในนมจากแหล่งอาหารอื่น (เช่น ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ งา ถั่วต่าง ๆ เต้าหู้ ปลาเล็กปลาน้อย ปลากระป๋อง ผักใบเขียว) ถ้าจำเป็นอาจให้กินยาเม็ดแคลเซียมเสริมเพื่อการสร้างกระดูก (การเจริญเติบโตของร่างกายเด็ก) และป้องกันภาวะกระดูกพรุน (ในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ)
    ในรายที่ต้องการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนมต่อไป อาจต้องให้กินเอนไซม์แล็กเทส (ในรูปของยาเม็ด) ควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดอาการได้

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้าลองปฏิบัติตัวดังกล่าวแล้วไม่ทุเลาใน 2-3 วัน หรือมีความวิตกกังวล


การป้องกัน

ภาวะนี้มักเป็นโรคประจำตัวเรื้อรัง สามารถป้องกันไม่ให้กำเริบบ่อยโดยการงดหรือลดการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนม หรือกินเอนไซม์แล็กเทสเสริม


ข้อแนะนำ

1. อาการท้องเดินที่เกิดจากการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนม นอกจากเกิดจากภาวะพร่องแล็กเทสแล้ว ยังอาจเกิดจากการแพ้โปรตีนในนม (ซึ่งจะมีอาการภูมิแพ้ เช่น ลมพิษ ผื่นคันร่วมด้วย ดู "การแพ้อาหาร" ที่หัวข้อสาเหตุ ใน "โรคลมพิษ" เพิ่มเติม) หรือโรคลำไส้แปรปรวน ควรแยกแยะสาเหตุให้ได้ชัดเจน และให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

2. ภาวะพร่องแล็กเทสมักไม่มีอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใด ถ้าหากเกิดขึ้นหลังจาการติดเชื้อของลำไส้มักเป็นเพียงชั่วคราว และหายขาดได้ แต่ถ้าเป็นภาวะพร่องแล็กเทสแบบถาวร ก็ควรแนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวในการดูแลรักษาตนเองอย่างจริงจัง ผู้ป่วยควรสังเกตว่าการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนมในปริมาณเท่าใดที่ไม่ทำให้เกิดอาการ ก็ให้บริโภคในปริมาณนั้นไปเรื่อย ๆ หากต้องการงดบริโภคนมโดยเด็ดขาด ก็ควรรู้จักเลือกบริโภคอาหารให้ถูกต้อง โดยเฉพาะควรได้รับแคลเซียมจากแหล่งอาหารอื่นให้เพียงพอ
#89
ติดตั้งฉนวนกันความร้อนโรงงาน ทำไมต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ

การติดตั้ง ฉนวนกันความร้อน สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม จะช่วยทำให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น เพราะความร้อนทำให้เครื่องจักรกินไฟมาก อีกทั้งยังเสี่ยงชำรุดเสียหายได้ไวกว่าเดิมหลายเท่า

แต่อย่างไรก็ตาม การติดตั้ง ฉนวนกันความร้อน สำหรับโรงงานไม่ใช่เรื่องที่คิดปุบปับอยากติดก็ติด แต่ควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้าน ฉนวนกันความร้อน โดยเฉพาะ ด้วยเหตุผลสำคัญ ดังต่อไปนี้

1.เพราะต้องวัดค่าอุณหภูมิความร้อนที่เป็นปัญหา

การจะติดฉนวนกันความร้อนในโรงงานให้ได้มีประสิทธิภาพจริง เราต้องทราบก่อนว่าอุณหภูมิที่แท้จริงภายในโรงงานนั้นเป็นเท่าไร เกินค่ามาตรฐานที่กำหนดมากน้อยแค่ไหน และต้องการลดอุณหภูมิลงให้ได้ประมาณเท่าไร เพื่อให้วัดผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน

ด้วยเหตุนี้เอง การติดตั้งฉนวนกันความร้อนสำหรับโรงงานจึงต้องได้รับการสำรวจหน้างาน ลงพื้นที่วัดอุณหภูมิจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้วางแผนการทำงานออกมาได้อย่างเหมาะสมที่สุด


2.เพราะต้องหาจุดต้องแก้ไขให้ครบถ้วน

ความร้อนภายในโรงงานอุตสาหกรรมนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายจุด และหลายสาเหตุ เช่นเกิดจากเครื่องจักร เกิดจากการทำกิจกรรมภายในโรงงาน เกิดจากการวางผังโรงงานที่ปิดกั้นการระบายความร้อน เกิดจากผนังโรงงานไม่กันความร้อน หรือเกิดจากบริเวณท่อปรับอากาศขนาดใหญ่ ตลอดจนหลังคาโรงงานที่ดูดซับความร้อนมากกว่าปกติ ฯลฯ

ซึ่งโรงงานที่มีปัญหาความร้อนสูง อาจเกิดจากหลาย ๆ สาเหตุพร้อมกัน ดังนั้น การให้ผู้เชี่ยวชาญสำรวจตรวจสอบโรงงานก่อนติดตั้งฉนวนจึงมีความจำเป็นมาก เพื่อให้วางแผนแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด และครบถ้วนทุกจุดที่เป็นสาเหตุของความร้อนที่สะสมสูงในโรงงาน


3.เพราะต้องคำนวณปริมาณฉนวนกันความร้อนให้เพียงพอ

เมื่อทราบสาเหตุของจุดกำเนิด และจุดสะสมความร้อนที่ควรติดตั้งฉนวนกันความร้อนแล้ว ลำดับต่อไปที่สำคัญมากไม่แพ้กันก็คือ ขั้นตอนในการคำนวณปริมาณฉนวนความร้อนที่ต้องใช้ ให้เพียงพอต่อการป้องกันความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากติดตั้งน้อยเกิดไป ก็จะลดความร้อนลงไม่ได้ หรือถ้าติดมากเกินไป ก็จะเป็นการใช้งบประมาณที่เกินความจำเป็น

ทั้งนี้ ยังต้องรวมถึงการพิจารณาเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับประเภทการใช้งานด้วย ใช่ว่าฉนวนชนิดเดียวจะเหมาะกับทุกจุดใช้งานหมด เพราะในความเป็นจริงมีประเภทของฉนวนกันความร้อนสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมแยกไว้อย่างชัดเจน อาทิ ฉนวนกันความร้อนสำหรับงานหลังคา ฉนวนกันความร้อนสำหรับงานระบบปรับอากาศ และ ฉนวนกันความร้อนสำหรับงานห้องเครื่องจักร งานทนอุณหภูมิสูง เป็นต้น


การติดตั้งฉนวนกันความร้อนสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม จะไม่เป็นผลดีเลยหากไม่ได้รับการวางแผนจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดตั้งแล้วไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ เสียงบประมาณโดยไม่คุ้มค่า ตลอดจนอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้