• Welcome to Phuket forum เว็บบอร์ด ภูเก็ต.
 

ข่าว:

SMF - Just Installed!

Main Menu

กระทู้ล่าสุด

#81
รถขนของไปต่างจังหวัด รถรับจ้างสมุทรปราการให้บริการนั้นเรามีความตั้งใจและเอาใจใส่มากเป็นที่สุดราคาถูก

รถรับจ้างขนของราคาถูกและมีโปรโมชั่นขนส่งเรามีการจัดราคาค่าบริการให้กับลูกค้าในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา หาเงินลำบาก ด้วยการจัดราคาค่าขนย้ายที่ถูก และคุ้มค่าแกลูกค้าทุกคนทีกำลังมองหา รถรับจ้างในเขตจังหวัดสมุทรปราการ มีประกันสินค้า หากเป็นสินค้าใหม่ ก่อนการขนย้ายลูกค้าสามารถแสดงความจำนงค์ว่า ต้องการรถรับจ้างขนของที่มีประกันสินค้ากับเราได้ทันที โดยต้องแจ้งก่อนล่วงหน้า 1 วันนะคะเพื่อการจัดเตรียมรถรับจ้างให้ตรงตามความต้องการครบวงจรด้านการบริการ เรามีการให้บริการทั้งขนาดของรถขนของ และ ชนิดในการขนย้ายในทุกรูปแบบ ไม่ว่าคุณต้องการจะย้ายอะไร ที่นี่ก็พร้อมเสมอมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีใจบริการ เรามีเจ้าหน้าที่คอยประสานงานการขนย้ายให้กับลูกค้าด้วยเป็นอย่างดี มีความสุภาพ และช่วยเหลือลูกค้าทุกคนอย่างเต็มที่ 100% หายห่วง หมดห่วงได้เลย

ความสะดวกสบายเมื่อมี รถรับจ้าง

เราไม่ต้องเหนื่อยในการขนย้ายของ

ได้คนมืออาชีพมาช่วยจัดการขนย้าย

มีรถที่พร้อมขนย้ายและเหมาะสมกับชนิดสินค้าที่เราจะทำการขน

มีความชำนาญในเส้นทางการเดินรถ

มีคนยกสินค้าเพิ่มให้

สามารถระบุเวลาการขนย้ายได้


งานบริการรถรับจ้างสมุทรปราการทุกอย่างที่เราให้บริการนั้นเรามีความตั้งใจ และเอาใจใส่มากเป็นที่สุด ยกตัวอย่างเช่นวันนี้เราได้เข้าไปให้บริการ รถรับจ้างจังหวัดสมุทรปราการ เป็นงานขนย้ายบ้าน ลูกค้าคือคุณไก่ ซึ่งวันนี้ต้องการที่จะย้ายบ้านจากบางนาไปจังหวัด นครราชสีมา ซึ่งเราเข้าไปให้บริการลูกค้าตั้งแต่ 8 โมงเช้า ลูกค้าไม่มีคนช่วยยกของ แต่เราก็ได้มีการเตรียมพนักงานยกสินค้าไปช่วยลูกค้าในการขนยกขนย้ายของไม่ว่าจะเป็นตู้ เตียงนอน tv ตู้เย็น มอเตอร์ไซค์ และสินค้าอื่นๆ เนื่องจากว่าลูกค้าเป็นผู้หญิงจึงไม่สามารถที่จะจัดการงานขนย้ายได้ด้วยตัวเองเพียงลำพัง เรารู้ดีจึงปัญหาสิ่งเหล่านี้เราจะได้มีการจัดเตรียมคนไว้คอยบริการลูกค้า งานขนย้ายวันนี้มีความราบรื่นฝนไม่ตก จึงทำให้เราขนย้ายได้อย่างสะดวกรวดเร็ว แต่ถึงแม้ว่าฝนจะตกก็ไม่ใช่ปัญหาหรืออุปสรรคใดๆต่อการขนย้ายของเราเล่นจาก  รถหกล้อรับจ้าง ของเรานั้นมีผ้าใบอย่างหนาคลุมปิดมิดชิดอย่างดีไม่มีรั่ว สินค้าลูกค้าจะไม่เสียหายอย่างแน่นอนเราได้ทำการขนย้ายของของลูกค้าเสร็จประมาณช่วง 10.00 น ใช้เวลาในการขนยกเพียงแค่ 2 ชั่วโมงแล้วก็เดินทางไปยังจังหวัดนครราชสีมาและก็ยกสินค้าให้กับลูกค้าลงที่บ้านอีกหลังหนึ่ง และไปถึงจังหวัดโคราชประมาณ เกือบบ่าย 2 โมงแล้วทำการยกสินค้าลงให้กับลูกค้าเสร็จเรียบร้อยดี ลูกค้าน่ารักมากอัธยาศัยดีพูดจาเป็นกันเอง

เราต้องขอขอบคุณลูกค้าคุณกลายเป็นอย่างสูงที่มอบโอกาสให้เราได้มีโอกาสได้รับใช้และหวังว่าในครั้งต่อไปคุณกายจะให้โอกาสเราเช่นนี้อีกครั้งซึ่งงานวันนี้ของเราต้องบอกว่าให้บริการอยู่หลายจุดมากพอสมควรไม่ว่าจะเป็น รถกระบะรับจ้าง รถหกล้อรับจ้าง รถ 4 ล้อใหญ่รับจ้าง รถสิบล้อรับจ้าง รถเฮี๊ยบรับจ้าง รวมไปจนถึง รถพ่วงรับจ้าง เป็นต้น เราต่างให้บริการลูกค้าวันหนึ่งอยู่หลายเที่ยว และสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ไม่ว่าคุณจะหยุดงานหรือทำงาน จะเป็นช่วงวันหยุดหรือยังไงก็ตามแต่เราก็จะมีพนักงานไว้คอยรับสายกรณีที่งานของท่านล่าช้าหรือมีปัญหาเพราะเราต้องการให้การบริการของเราเป็นงานบริการที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ได้มาตรฐานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 15 ปี

ลูกค้าหลายๆคนต่างมีความชื่นชมในงานบริการรถรับจ้างของเราและกลับมาใช้บริการขนย้ายของซ้ำอยู่หลายครั้งเป็นเพราะว่า เราให้ใจให้บริการที่ดี ที่สุด แก่ลูกค้าทุกคนที่เข้ามาใช้บริการกับเรา หากท่านใดต้องการที่จะสอบถาม ค่าใช้จ่ายในการ ขนย้าย ของขนย้ายบ้าน ขนย้ายสำนักงาน ขนย้ายออฟฟิศ ขนย้ายสินค้าอุปโภคบริโภค หรือขนย้ายสินค้าอื่นๆเราพร้อมให้บริการท่านตลอด 24 ชั่วโมงไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในจังหวัดสมุทรปราการหรือต้องการ รถรับจ้างไปต่างจังหวัด เราก็สามารถที่จะวิ่งให้บริการท่านได้อย่างสบายสบาย ติดต่อสอบถามค่าใช้จ่าย ผ่านทาง facebook line หรือเบอร์โทรศัพท์ได้


ปลอดภัยรวดเร็วประหยัดค่าใช้จ่าย

สำหรับใครหลายๆคนที่ต้องการที่จะมาพักผ่อนท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการสถานที่ท่องเที่ยวนั้นมีมากมายมากพอสมควรและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก วันนี้จังหวัดสมุทรปราการของเราได้เปิดสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีกมากมายรวมไปจนถึงชั้นที่ท่องเที่ยวเก่าๆที่ มีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างประเทศต่างและเลี้ยงเข้ามาเยี่ยมชมอย่างไม่ขาดแล้วจึงอยากจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวพึ่งต้นเขาข้าวให้กับท่านในแต่ละคนเผื่อว่าได้มีโอกาสมาเที่ยว ที่นี่อีกครั้งซึ่งได้แก่

1. อุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือป้อมพระจุลจอมเกล้า ซึ่งจะตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแถวอำเภอพระสมุทรเจดีย์ซึ่งได้มีการก่อสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ก่อนนั้นป้อมนี้ได้ถูกใช้เป็นที่ทำการยิงต่อสู้กับศัตรูในช่วงปี 2436 หากใครที่แวะเข้ามา ต้องเข้ามาในพื้นที่ภายในสำหรับสักการะพระบรม ราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

2. พระสมุทรเจดีย์ ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสมุทรปราการ ตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีเจดีย์กลางน้ำ

3. บางปู มาดูวิวชมทะเลตอนเย็น อากาศดีมากๆ

ผลงานรถรับจ้าง

รถรับจ้างทั่วไปเขตอำเภอเมืองสมุทรปราการ

รถรับจ้างทั่วไปเขตสุขุมวิท

รถรับจ้างทั่วไปเขตพระประแดง

รถรับจ้างทั่วไปเขตบางนา-ตราด

รถรับจ้างทั่วไปเขตบางปู

รถรับจ้างทั่วไปเขตบางพลี

รถรับจ้างทั่วไปเขตบางพลีใหม่

รถรับจ้างทั่วไปเขตพระสมุทรเจดีย์

รถรับจ้างทั่วไปเขตสำโรง

รถรับจ้างทั่วไปเขตบางเสาธง

รถรับจ้างทั่วไปเขตบางบ่อ

ขอบคุณทุกท่านที่ใช้บริการขนส่ง นะคะ รถรับจ้างสมุทรปราการ ของเรายินดีรับใช้ทุกท่านตลอดไปคะ
#82
การสังเกตท่อลมร้อนรั่วซึม

การสังเกตท่อลมร้อนรั่วซึมเป็นสิ่งสำคัญในการบำรุงรักษาระบบระบายอากาศ เพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงานและรักษาประสิทธิภาพของระบบ โดยมีวิธีการสังเกตดังนี้

1. การตรวจสอบด้วยสายตา
รอยแตกหรือรอยร้าว: ตรวจสอบท่อลมอย่างละเอียดเพื่อหารอยแตกหรือรอยร้าว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าท่อลมอาจมีการรั่วซึม
รอยต่อที่ไม่สนิท: ตรวจสอบรอยต่อระหว่างท่อลมและข้อต่อต่างๆ ว่ามีการเชื่อมต่อกันอย่างสนิทหรือไม่ หากพบช่องว่างหรือรอยแยก แสดงว่าอาจมีการรั่วซึม
รอยคราบหรือรอยเปื้อน: ตรวจสอบบริเวณรอบๆ ท่อลมเพื่อหารอยคราบหรือรอยเปื้อน ซึ่งอาจเกิดจากการรั่วซึมของอากาศที่มีความชื้นหรือสารเคมี

2. การตรวจสอบด้วยมือ
สัมผัสลมรั่ว: ใช้มือสัมผัสบริเวณรอยต่อหรือรอยแตกของท่อลม เพื่อตรวจจับลมที่รั่วออกมา หากรู้สึกถึงลมที่พัดออกมา แสดงว่ามีการรั่วซึม
ตรวจสอบความร้อน: ใช้มือสัมผัสบริเวณท่อลมเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิ หากพบว่าบางบริเวณมีอุณหภูมิแตกต่างจากบริเวณอื่นอย่างชัดเจน แสดงว่าอาจมีการรั่วซึม

3. การตรวจสอบด้วยอุปกรณ์
เครื่องวัดความดัน: ใช้เครื่องวัดความดันเพื่อตรวจสอบความดันภายในท่อลม หากความดันลดลงอย่างผิดปกติ แสดงว่าอาจมีการรั่วซึม
เครื่องวัดการไหลของอากาศ: ใช้เครื่องวัดการไหลของอากาศเพื่อตรวจสอบปริมาณลมที่ไหลผ่านท่อลม หากปริมาณลมลดลงอย่างผิดปกติ แสดงว่าอาจมีการรั่วซึม
เครื่องตรวจจับรอยรั่ว: ใช้เครื่องตรวจจับรอยรั่ว (Leak Detector) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับการรั่วไหลของอากาศหรือก๊าซได้อย่างแม่นยำ

4. การตรวจสอบด้วยวิธีการอื่นๆ
การใช้ควัน: ปล่อยควันเข้าไปในท่อลม และสังเกตการเคลื่อนที่ของควัน หากควันไหลออกมาจากบริเวณที่ไม่ควร แสดงว่ามีการรั่วซึม
การใช้สบู่: ทาฟองสบู่บริเวณรอยต่อหรือรอยแตกของท่อลม หากมีฟองอากาศเกิดขึ้น แสดงว่ามีการรั่วซึม

ข้อควรระวัง

ควรตรวจสอบท่อลมร้อนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการรั่วซึม
หากพบรอยรั่ว ควรซ่อมแซมทันที เพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงานและรักษาประสิทธิภาพของระบบ
ในการตรวจสอบท่อลมร้อน ควรระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย และสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม

การตรวจสอบการรั่วซึมของท่อลมร้อนอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการบำรุงรักษาระบบระบายอากาศ เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
#83
คอนเสิร์ตต้นข้าว Exclusive Concert สิทธิ์พิเศษสำหรับแฟนคลับ


แฟนคลับน้องต้นข้าวเตรียมพบกับความพิเศษในงาน คอนเสิร์ตต้นข้าว Exclusive Concert ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคม 2568 โดยงานนี้ไม่เพียงแต่จะถ่ายทอดสดให้ชมผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น แต่ยังมีสิทธิ์พิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อบัตรคอนเสิร์ตออนไลน์แล้ว

ทีมงานประกาศเปิดโอกาสให้แฟนคลับจำนวน 50 ท่าน ที่ได้ซื้อบัตรล่วงหน้า ได้สิทธิ์เข้าชมการถ่ายทำคอนเสิร์ตหน้างานจริงแบบฟรี ๆ และผู้โชคดีแต่ละท่านยังสามารถพาผู้ติดตามมาได้อีก 1 คน รวมทั้งหมด 100 ที่นั่ง ถือเป็นโอกาสพิเศษที่แฟนคลับจะได้สัมผัสบรรยากาศการแสดงสดใกล้ชิดศิลปินอย่างต้นข้าว

การสุ่มรายชื่อผู้โชคดีจะประกาศในวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 18.00 น. ผ่านเพจ DramaThai สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ซื้อบัตร สามารถซื้อได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ คอนเสิร์ต Exclusive ต้นข้าว โดยบัตรราคา 250 บาท แต่หากซื้อก่อน 31 สิงหาคมนี้ จะได้รับโปรโมชั่นพิเศษเพียง 199 บาทเท่านั้น

คอนเสิร์ตครั้งนี้ถูกออกแบบมาให้เต็มไปด้วยบรรยากาศเวที แสง สี เสียง อย่างมืออาชีพ และเป็นอีกก้าวหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนศิลปินไทยให้สามารถสร้างผลงานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้อย่างยั่งยืน หากคุณเป็นแฟนคลับตัวจริงของน้องต้นข้าว ไม่ควรพลาดทั้งการชมผ่าน Streaming ออนไลน์ และการลุ้นสิทธิ์เข้าร่วมชมบรรยากาศหน้างานจริงในครั้งนี้
#84
บริหารจัดการอาคาร: น้ำยาแอร์ ต้องเติมตอนไหน ?

การใช้เครื่องปรับอากาศติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้อากาศที่ออกมาจากเครื่องปรับอากาศไม่เย็นเท่าที่ควร จึงทำให้เกิดความสงสัยว่า น้ำยาแอร์ที่อยู่ในเครื่องแห้งไปหรือไม่ จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ใหม่แล้วหรือยัง หรือแค่ล้างก็พอแล้ว เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยตั้งคำถามแบบนี้ เมื่อรู้สึกว่าแอร์ไม่ค่อยเย็น ซึ่งความจริงแล้ว การที่แอร์เริ่มไม่เย็น สาเหตุที่แท้จริงอาจจะเกิดจากสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ภายในตัวเครื่อง เพราะการทำความสะอาดแอร์ด้วยการถอดชิ้นส่วนภายในออกมาล้าง ทั้งส่วนของแผ่นกรองอากาศ คอลย์เย็นที่อยู่ภายใน โดยการใช้เครื่องปั๊มน้ำแรงดันสูงฉีดทำความสะอาด ก็อาจจะสามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว ทำให้อากาศไหลเข้าสู่ตัวเครื่องได้สะดวก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ให้ดีขึ้น ทำให้อากาศที่ออกมาจากตัวเครื่องเย็นฉ่ำ และช่วยประหยัดค่าไฟลงด้วย

ซึ่งคำถามที่ว่าเราจะต้องเติมน้ำยาแอร์ทุกครั้งหรือไม่ เวลาที่จะต้องล้างแอร์ เพราะช่างอาจจะบอกให้เราต้องเติมน้ำยาแอร์ และทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นอาจจะหมายความว่า เราอาจจะถูกหลอกได้ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ถึงเวลาที่เราจะต้องเติมน้ำยาแอร์แล้ว วันนี้ทางเราจะมาพูดถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่า เราจะต้องเติมน้ำยาแอร์แล้ว เพื่อเป็นแนวทางและข้อมูลเพื่อให้เราจะได้ไม่ต้องโดนช่างแอร์หลอกเติมน้ำยาแอร์ ทำให้เสียค่าใช้จ่ายไปเปล่าๆได้นั่นเอง

 สำหรับน้ำยาแอร์ เป็นสารเคมีที่จะใช้เพื่อการทำงานในระบบปรับอากาศ และระบบทำความเย็น เมื่อน้ำยาแอร์ไหลผ่านคอมเพรสเซอร์และคอยล์เย็น จะช่วยดูดซับปริมาณความร้อน กับความร้อนแฝง เพื่อเปลี่ยนอุณหภูมิและความดันให้ต่ำลงและกลายเป็นความเย็น แต่ในส่วนของความร้อน จะถูกถ่ายเทผ่านคอมเพรสเซอร์ หลังจากนั้นจะถูกกลั่น ให้กลับมาป็นสถานะเดิม เพื่อกลับเข้าสู่ระบบ และทำหน้าที่ดังเดิม

ดังนั้น น้ำยาแอร์ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้แอร์บ้านของเรามีความเย็นออกมา หากขาดสิ่งนี้ไปแอร์บ้านของเราก็อาจจะไม่มีความเย็นออกมา หรืออาจจะเป็นปัจจัยอื่นๆที่ทำให้แอร์ไม่เย็นได้ โดยระบบน้ำยาของแอร์บ้านโดยทั่วไปแล้วเราเรียกกันว่า ระบบกึ่งปิดกึ่งเปิด ซึ่งไม่ใช่ระบบปิดที่สมบูรณ์ ซึ่งนั้นก็ทำให้ระบบน้ำยามีโอกาสที่จะรั่วหรือซึมออกไปได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าแอร์ทุกเครื่องจะมีโอกาสรั่วหรือซึมเหมือนกันทั้งหมด หากได้รับการติดตั้งที่ดี ผลิตภัณฑ์ที่ดี โอกาสที่น้ำยาแอร์จะรั่ว หรือซึมหายไปก็เป็นไปได้น้อยมาก

 ซึ่งแอร์ทำงานโดยระบบปิด นั่นหมายความว่า น้ำยาแอร์จะไหลเวียนอยู่ภายในระบบไม่มีวันระเหยออกมา หากแอร์ไม่มีการรั่วซึม และการเติมน้ำยาแอร์ที่ถูกควรเติมหลังจากแอร์มีอายุการใช้งานมาแล้ว 4-5 ปี ไม่จำเป็นต้องเติมบ่อยๆ อย่างที่ช่างบางคนบอก ถ้าหากแอร์รั่วควรโทรหาช่างซ่อมแอร์มืออาชีพที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้เพื่อซ่อมปัญหารอยรั่วทำให้แอร์ใช้งานได้นานโดยที่เราไม่ต้องห่วงเลยว่าจะต้องเติมน้ำยาแอร์อีกเมื่อไหร่ แต่ในกรณีที่ชิ้นส่วนหรือท่อแอร์มีรอยรั่ว ก็จำเป็นต้องทำการซ่อมก่อนถึงจะเติมน้ำยาแอร์ทำให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ ถ้าช่างไม่ได้แจ้งว่าแอร์มีรอยรั่วแล้วบอกให้เติมน้ำยาแอร์ 20 – 30 ปอนด์ เป็นไปได้ว่าเขาใช้กลโกงหลอกให้เติมเพื่อเก็บเงินได้ อย่างไรก็ตาม หากแอร์ไม่เย็น ก็ไม่ได้แปลว่าน้ำยาแอร์หมด แต่อาจเป็นเพราะว่าฝุ่นภายในอากาศเข้าไปอุดตันคอยล์และแผงกรองอากาศ เราควรถอดชิ้นส่วนแอร์ออกมาล้างก่อนอันดับแรก และควรล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หรือมากกว่าเพื่อให้แอร์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ แถมยังช่วยประหยัดค่าไฟลดการทำงานหนักของเครื่องได้

 หากคุณอยากที่จะตรวจสอบหรือเช็คระบบแอร์ ล้างทำความสะอาดโดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญ ที่การันตีด้วยประสบการณ์การทำงานมาอย่างยาวนาน ก็สามารถขอรายละเอียดได้จากทางเรามีบริการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะนั่นหมายถึงอากาศที่ดีที่เราสูดดมเข้าไป ถ้าหากเรามีระบบเครื่องปรับอากาศที่ไม่สะอาดแล้ว อาจจะทำให้เราเสียสุขภาพไปด้วย
#86
การรับประทานอาหารกับการจัดฟันเด็ก

การรับประทานอาหารถือเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับการดำรงชีวิต ซึ่งการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม และมีประโยชน์ ก็จะช่วยทำให้ร่างกายของเรามีสุขภาพที่แข็งแรง การรับประทานอาหารนั้น เราจะต้องใช้ช่องปากและฟันของเราเพื่อบดเคี้ยวอาหาร เพราะฉะนั้น ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเรา จึงมีความสำคัญไม่แพ้กันกับอวัยวะส่วนอื่นที่เราจะต้องดูแลเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ สุขภาพช่องปากและฟันของเราก็ยังส่งผลต่อการบดเคี้ยวอาหารด้วย เพราะถ้าเรามีลักษณะฟันที่มีการสบฟันที่ผิดปกติ ก็อาจจะทำให้การบดเคี้ยวอาหารได้ไม่ดีเท่าที่ควร หลายคนมักจะต้องเจอปัญหาดังกล่าว และยิ่งถ้าหากเรามีฟันที่ปกติแล้วการรับประทานอาหารก็ถือเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งอาจจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมของเราได้

สำหรับคนที่มีปัญหาในเรื่องของการสบฟันผิดปกติหรือรูปร่างฟัน ส่วนใหญ่ก็จะเลือกใช้วิธีการเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันเพราะจะสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงในวัยเด็กที่มีการสบฟันที่ผิดปกติก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้แล้ว ดังนั้น ในเรื่องของการรับประทานอาหารก็อาจจะส่งผลต่อการจัดฟันด้วยเช่นเดียวกันเนื่องจากในวัยเด็กมักจะมีอาหารที่ชื่นชอบ นั่นก็คือ ของหวาน ขนม ลูกอมต่างๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กๆในวัยนี้จะชื่นชอบอาหารที่มีรสหวาน ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจะส่งผลต่อสุขภาพช่องปากและฟันได้

เพราะการรับประทานอาหารที่หวานหรือมีน้ำตาลเป็นจำนวนมากจะส่งผลให้เด็กเกิดฟันผุได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดการสูญเสียฟันและทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันทำให้ยิ้มไม่มั่นใจ ซึ่งการรับประทานอาหารนั้น ก็ส่งผลต่อการจัดฟันของเด็กและในวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของการรับประทานอาหารกับการจัดฟันในเด็กว่าส่งผลกระทบอย่างไรบ้างและควรที่จะป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา

สำหรับการรับประทานอาหารของเด็ก จริงๆแล้ว ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย รวมไปถึงสุขภาพช่องปากและฟันด้วยแต่ในทางกลับกันเด็กมักนิยมรับประทานอาหารของหวาน เช่น ขนม ลูกอม ซึ่งเรียกว่าเป็นอาหารประเภทที่หลายคนชื่นชอบ ซึ่งอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เกิดฟันผุและเกิดปัญหาเกี่ยวกับช่องปากและฟัน

โดยเฉพาะเด็กที่เข้ารับการจัดฟันในเรื่องของการรับประทานอาหารนั้น จะต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การเข้ารับการจัดฟันนั้นเราจะมีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปากและเครื่องมือเหล่านี้ก็เป็นชนิดเหล็กแบบติดแน่น ซึ่งก็สามารถหลุดออกได้หากกระทบกับของแข็ง เช่น อาหารที่มีความแข็ง ขนม ลูกอมต่างๆ เพราะฉะนั้น หลังจากติดเครื่องมือการจัดฟันแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานของท่านในเรื่องของการรับประทานอาหาร ควรเลือกอาหารให้ลูกอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะไม่เป็นอุปสรรคในการรับประทานอาหาร
#87
Doctor At Home: ฝีดาษลิง (Mpox/Monkeypox)

ฝีดาษลิง (ฝีดาษวานร ก็เรียก) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่พบในสัตว์ฟันแทะและลิง* พบในคนครั้งแรกที่ประเทศคองโกในปี 2513 และต่อมาพบระบาดกลายเป็นโรคประจำถิ่นในทวีปแอฟริกา เริ่มพบระบาดไปนอกแอฟริกาเป็นครั้งแรกคือสหรัฐอเมริกาในปี 2546 และในปี 2564 พบผู้ป่วยชาวอเมริกัน 1 รายซึ่งกลับจากการไปท่องเที่ยวที่ประเทศไนจีเรีย นับแต่ปี 2565 เป็นต้นมา พบระบาดในทวีปต่าง ๆ ทั่วโลก**

โรคนี้จะทำให้มีอาการไข้และผื่นตุ่มขึ้น คล้ายโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (smallpox) แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า โดยมีผื่นอยู่นานเป็นสัปดาห์ ๆ ซึ่งจะหายได้เองเป็นส่วนใหญ่

กลุ่มที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ได้แก่ ผู้ที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาด (เช่นในประเทศแถบแอฟริกา), ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ (โดยเฉพาะอย่างกลุ่มชายรักร่วมเพศ ผู้ที่ทำงานด้านบริการทางเพศ ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน), ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดหรืออาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ, ผู้ที่มีโอกาสสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ

*เนื่องจากพบโรคนี้ระบาดในลิงในห้องทดลองเป็นครั้งแรกในปี 2501 จึงได้ชื่อว่า ฝีดาษลิง ซึ่งเดิมใช้ชื่อว่า Monkeypox ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกขอให้ใช้ชื่อว่า Mpox แทน

**เมื่อ 23 กรกฎาคม 2565 องค์การอนามัยโลกประกาศให้การระบาดของโรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลก เนื่องจากได้พบผู้ติดเชื้อกว่า 16,000 รายใน 75 ประเทศทั่วโลก ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย หลังจากสถานการณ์ผู้ป่วยเริ่มลดลง ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2566 องค์การอนามัยประกาศให้โรคนี้พ้นจากภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ

ในไทยมีรายงานผู้ป่วยรายแรกซึ่งเป็นชาวไนจีเรียที่เดินทางมาที่ภูเก็ตเมื่อ 21 กรกฏาคม 2565 หลังจากนั้นพบมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีรายงาน (เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2566) ว่าพบผู้ป่วยจำนวนทั้งสิ้น 582 ราย ใน 37 จังหวัดทั่วประเทศ เกือบร้อยละ 60 ของผู้ป่วยทั้งหมดอยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายรักร่วมเพศ ส่วนใหญ่พบในคนอายุ 30-39 ปี รองลงมาคือช่วงอายุ 20-29 ปี อย่างไรก็ตาม โรคนี้พบได้ในคนทุกเพศทุกวัยที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม orthopoxvirus* (ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับเชื้อไวรัสโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ) โรคนี้สามารถติดต่อได้ 2 ทาง ได้แก่

1. จากคนสู่คน เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง (ที่มีรอยแยก) เยื่อเมือก (เช่น เยื่อบุตา ช่องปาก คอหอย ช่องคลอด องคชาต ทวารหนัก) หรือทางเดินหายใจ

การติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสถูกผื่น ตุ่ม น้ำหนอง แผลที่ผิวหนัง สารคัดหลั่ง (เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ น้ำตา) ของผู้ติดเชื้อ หรือสัมผัสถูกบริเวณทวารหนักหรือช่องคลอดของผู้ติดเชื้อ โดยการสัมผัสอย่างแนบชิด เช่น การนวด การกอด จูบ หรือการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ แต่ก็สามารถพบในคนทั่วไปที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ บางรายอาจเกิดจากการใช้ของร่วมกับผู้ติดเชื้อ เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน หมอน เป็นต้น

นอกจากนี้ยังพบว่ามีการติดเชื้อจากมารดาสู่ทารกผ่านทางรกขณะอยู่ในครรภ์ หรือจากการสัมผัสใกล้ชิดหลังคลอด

ส่วนการติดเชื้อจากการสูดละอองฝอยที่ผู้ติดเชื้อไอ จาม หรือหายใจรดนั้นพบได้เป็นส่วนน้อย ผู้ป่วยมักต้องมีการสัมผัสแบบตัวต่อตัว (เช่น การพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด) เป็นเวลานาน ๆ

2. จากสัตว์สู่คน ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากสัตว์ฟันแทะ (เช่น หนู กระรอก กระแต กระต่าย) โดยการสัมผัสถูกเลือด สารคัดหลั่ง ผื่นหรือตุ่มหนองของสัตว์ หรือถูกสัตว์ติดเชื้อกัดหรือข่วน หรือกินเนื้อสัตว์ติดเชื้อที่ปรุงไม่สุก การติดเชื้อจากสัตว์พบได้เป็นส่วนน้อย และมักพบในพื้นที่ที่มีโรคนี้เป็นโรคประจำถิ่น (เช่นแอฟริกา)

ระยะฟักตัว 5-21 วัน

*เชื้อไวรัสฝีดาษลิงที่พบในแอฟริกาแบ่งเป็น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ชนิดที่ 1 (สายพันธุ์คองโก) และสายพันธุ์ชนิดที่ 2 (สายพันธุ์แอฟริกาตะวันตก) สายพันธุ์ชนิดที่ 1 พบในแอฟริกากลาง (เช่น คองโก) มีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 10 ส่วนสายพันธุ์ชนิดที่ 2 พบในแอฟริกาตะวันตก (เช่น ไนจีเรีย) และมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ชนิดที่ 1 คือมีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 1-3 การระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกตั้งแต่ปี 2565 เกิดจากสายพันธุ์ชนิดที่ 2


อาการ

ระยะแรก จะมีอาการไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วร่างกาย บางรายอาจมีอาการเจ็บคอ เจ็บทวารหนัก อาเจียน หรือท้องเดินร่วมด้วย

ระยะต่อมา (หลังมีไข้ 1-3 วัน) จะมีผื่นตุ่มขึ้นจำนวนมากตามบริเวณใบหน้าและแขนขา (มากกว่าลำตัว) ซึ่งมักจะขึ้นที่ใบหน้าก่อน แล้วกระจายไปตามแขนขา โดยเริ่มแรกขึ้นเป็นผื่นแดงหรือปื้นนูนแดง ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำใส ซึ่งอาจรู้สึกปวดเจ็บ แสบร้อน หรือคัน ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มหนอง และกลายเป็นสะเก็ด แล้วในที่สุดก็จะหลุดลอกไป ผื่นตุ่มเหล่านี้จะเป็นอยู่นานประมาณ 2-4 สัปดาห์ (ในรายที่มีภูมิคุ้มกันต่ำอาจนานกว่านี้) หลังตกสะเก็ดอาจเกิดรอยโรคหรือแผลเป็นได้ เนื่องจากผื่นตุ่มของโรคนี้จะกินถึงผิวหนังชั้นลึก

บางรายอาจมีผื่นตุ่มที่บริเวณมือ (รวมทั้งฝ่ามือ) เท้า (รวมทั้งฝ่าเท้า) เยื่อบุในช่องปาก คอหอย อวัยวะเพศ เยื่อบุตาขาว และกระจกตาได้

บางรายอาจมีอาการต่างไปจากลักษณะที่พบในผู้ป่วยส่วนใหญ่ดังกล่าวข้างต้น เช่น มีเพียงไข้ต่ำ ๆ หรือมีผื่นตุ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย หรือมีอาการผื่นขึ้นก่อนหรือพร้อมกับอาการอื่น ๆ ไม่มีอาการต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งอาจทำให้คิดว่าไม่ใช่โรคฝีดาษลิง และละเลยการป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น

ภาวะแทรกซ้อน

เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้ป่วยเอดส์) มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน อาทิ

    คออักเสบ ซึ่งอาจรุนแรงจนทำให้กลืนลำบาก
    ทวารหนักอักเสบ ซึ่งอาจรุนแรงจนทำให้ถ่ายอุจจาระลำบาก
    ผื่นตุ่มที่ผิวหนังเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
    ภาวะโลหิตเป็นพิษจากเชื้อเข้ากระแสโลหิต 
    การติดเชื้อที่กระจกตา ซึ่งอาจรุนแรงทำให้ตาบอดได้
    ปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ สมองอักเสบ
    หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคฝีดาษลิง อาจทำให้ทารกตายในครรภ์ แท้งบุตร ทารกคลอดก่อนกำหนด


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ไข้ มากกว่า 38 องศาเซลเซียส

ต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่สังเกตได้ของโรคนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ตามจุดต่าง ๆ ที่สัมผัสโรค เช่น คอ ไหปลาร้า รักแร้ ข้อศอก เป็นต้น

ผื่นแดง ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง ตามใบหน้า แขนขา ฝ่ามือ ฝ่าเท้า

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการตรวจหาสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ของเชื้อจากน้ำหรือหนองจากตุ่มที่ผิวหนังด้วยเทคนิค polymerase chain reaction (PCR) ในกรณีที่ไม่พบผื่นตุ่มที่ผิวหนัง จะตรวจจากสารคัดหลั่งในลำคอ หรือทวารหนัก ซึ่งเก็บตัวอย่างโดยการใช้ไม้ป้ายคอหอย (oropharyngeal swab) หรือไม้ป้ายทวารหนัก (anal/rectal swab)


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาโรคนี้ ดังนี้

    ในรายที่อาการไม่รุนแรงและไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง จะให้การรักษาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ (พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน) ยาแก้คัน (เช่น ยาแก้แพ้ คาลาไมน์โลชั่น), ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำในรายที่กินไม่ได้หรือมีภาวะขาดน้ำ, ให้ยาปฏิชีวนะในรายที่ผื่นตุ่มมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เป็นต้น
    ในรายที่มีอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้การรักษาภาวะผิดปกติที่พบ (เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ)

ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีโรคประจำตัว แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัส ได้แก่ tecovirimat (หรือ TPOXX) ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาโรคไข้ทรพิษ

ผลการรักษา ส่วนใหญ่มักจะหายได้ภายใน 2-4 สัปดาห์โดยการรักษาตามอาการ ส่วนผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็มักจะหายได้เป็นปกติ มีส่วนน้อยที่อาจมีความพิการ (เช่น ในรายที่เป็นสมองอักเสบที่รุนแรง) หรือเสียชีวิต


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่นตุ่มขึ้นตามผิวหนัง และมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยฝีดาษลิง ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคฝีดาษลิง ควรดูแลตนเองดังนี้

    รักษาและปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    แยกตัวออกจากผู้อื่นทันที แยกห้องนอน ห้องน้ำ แยกของใช้ และงดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าแผลจะตกสะเก็ด (ระยะที่เป็นตุ่มน้ำใส และตุ่มหนอง สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้)
    สวมหน้ากากอนามัย ถ้ามีคนอื่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
    หมั่นล้างมือบ่อย ๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหรือหลังสัมผัสผื่นตุ่ม)
    กินอาหารสุขภาพ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมาก ๆ 
    ถ้ามีแผลในปาก ให้ใช้น้ำเกลือกลั้วปากวันละ 4 ครั้ง
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสวัตถุหรือพื้นผิวที่ผู้อื่นใช้ร่วม เช่น ลูกบิดประตู โต๊ะ เก้าอี้ รีโมตทีวี เป็นต้น หากเลี่ยงไม่ได้ หลังสัมผัส ควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดทันที
    ตัดเล็บให้สั้น และห้ามแคะ แกะ เกาผื่นหรือตุ่ม เพราะการแคะ แกะ เกาอาจทำให้ผื่นตุ่มหายช้า แพร่กระจายผื่นตุ่มไปยังบริเวณอื่นของร่างกาย อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน และกลายเป็นแผลเป็นได้

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการผิดปกติ (เช่น เจ็บหน้าอกมาก หอบหรือหายใจลำบาก รู้สึกเหนื่อยง่าย ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว ชัก แขนขาอ่อนแรง ปวดศีรษะมาก อาเจียน กินไม่ได้ แผลเป็นหนองหรือสงสัยว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน) หรือมีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา

สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ (เช่น อยู่ในบ้านเดียวกัน เป็นสามีภรรยาหรือมีเพศสัมพันธ์กัน มีการพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด) ควรสังเกตอาการของตนเอง และแยกตัวเองออกจากผู้อื่น หากมีอาการผิดสังเกต ควรไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

การป้องกัน

    หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย และไม่นำมือไปสัมผัสผื่น ตุ่ม หนอง ของผู้ติดเชื้อ
    ออกห่างจากผู้ติดเชื้อ หรือผู้ที่มีประวัติสัมผัสผู้ป่วย แยกห้องนอน ห้องน้ำ แยกของใช้ และงดการมีเพศสัมพันธ์กับคนเหล่านี้
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์หรือสารคัดหลั่งของสัตว์ที่อาจเป็นพาหะ (เช่น สัตว์ฟันแทะ ลิง) ไม่กินเนื้อสัตว์ไม่ปรุงสุก
    ในช่วงที่มีการระบาด หมั่นสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยน้ำกับสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา จมูก และไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น


ข้อแนะนำ

1. ฝีดาษลิงเป็นโรคประจำถิ่นในแถบแอฟริกามานาน แต่เพิ่งมีการระบาดไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยเมื่อปี 2565 ดังนั้น หากมีไข้ และผื่นตุ่มขึ้นตามตัว นอกจากมีสาเหตุจากอีสุกอีใส โรคมือ เท้า ปาก เริม งูสวัดแล้ว ก็ควรนึกว่าอาจเกิดจากโรคฝีดาษลิงนี้ก็ได้ (ตรวจอาการ "ไข้ร่วมกับมีผื่นหรือตุ่มขึ้น" เพิ่มเติม)

โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคฝีดาษลิงจะมีผื่น ตุ่มน้ำใส และตุ่มหนองขึ้นกระจายไปทั่วร่างกายในลักษณะแบบเดียวกับอีสุกอีใส ต่างกันตรงที่ฝีดาษลิงจะมีต่อมน้ำเหลืองโตตามคอ ไหปลาร้า รักแร้ ข้อศอก ซึ่งมักไม่พบในอีสุกอีใส ส่วนอีสุกอีใสมักจะติดต่อกันได้ง่ายกว่าฝีดาษลิง อย่างไรก็ตาม หากพบอาการไข้และผื่นตุ่มขึ้นในกลุ่มชายรักร่วมเพศ หรือผู้ที่มีประวัติสัมผัสโรคฝีดาษลิง ควรสงสัยว่าเป็นฝีดาษลิงมากกว่าอีสุกอีใส ซึ่งควรให้แพทย์วินิจฉัยโดยเร็ว

2. โรคนี้เกิดจากการสัมผัสแบบแนบชิดกันเป็นหลัก ซึ่งพบในกลุ่มเสี่ยงบางกลุ่ม (เช่น กลุ่มชายรักร่วมเพศ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่อยู่ในบ้านด้วยกัน) ไม่ได้แพร่ในที่สาธารณะอย่างกว้างขวางเช่นโรคโควิด-19 สามารถป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย

3. สำหรับผู้ที่มีประวัติติดโรคฝีดาษลิงจากการมีเพศสัมพันธ์ แพทย์จะทำการตรวจว่ามีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น (เช่น เอชไอวี ซิฟิลิส หนองใน หนองในเทียม) ร่วมด้วยหรือไม่ หากพบก็จะให้การรักษาควบคู่ไปด้วย

4. ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิง ซึ่งมีใช้ในประเทศที่มีการระบาดของโรคนี้อย่างรุนแรง สำหรับบ้านเรา เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ถือเป็นการระบาด จึงยังไม่มีวัคซีนชนิดนี้

ผู้ที่เคยได้รับการปลูกฝีป้องกันโรคฝีดาษมาก่อน จะมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยปัองกันโรคฝีดาษลิง และมีความเสี่ยงต่อการติดโรคฝีดาษลิงน้อยกว่าผู้ที่ไม่เคยปลูกฝี ในบ้านเราการปลูกฝีได้ยกเลิกไปตั้งแต่ปี 2517 เนื่องจากโรคฝีดาษถูกกำจัดหมดไปจากโลก
#88
โรคปอดอักเสบ อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

โรคปอดอักเสบ (Pneumonia) หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า "ปอดบวม" เป็นการติดเชื้อในปอดที่ทำให้ถุงลมในปอดเกิดการอักเสบและบวม ส่งผลให้มีหนองและของเหลวสะสมอยู่ในปอด ทำให้ประสิทธิภาพในการหายใจลดลง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้


สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรค

โรคปอดอักเสบส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งมีหลายชนิด ดังนี้

แบคทีเรีย: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด สามารถเกิดขึ้นได้เอง หรือเกิดขึ้นหลังจากเป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่

ไวรัส: เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus), ไวรัส RSV, และไวรัส SARS-CoV-2 (โควิด-19)

เชื้อรา: พบได้น้อยกว่าและมักเกิดขึ้นในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ


อาการที่ต้องเฝ้าระวัง

อาการของโรคปอดอักเสบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่โดยทั่วไปแล้วมักมีอาการดังนี้

ไอมีเสมหะ: อาจมีเสมหะสีเหลือง เขียว หรือมีเลือดปน

ไข้สูง และหนาวสั่น: เป็นอาการที่พบบ่อยในช่วงแรก

หายใจหอบเหนื่อย: หายใจสั้น หายใจลำบาก หรือรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง

เจ็บหน้าอก: โดยเฉพาะเมื่อหายใจเข้าลึกๆ หรือเวลาไอ

อ่อนเพลีย: รู้สึกไม่มีแรง และเบื่ออาหาร


กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคปอดอักเสบที่รุนแรง ได้แก่

เด็กเล็ก (อายุน้อยกว่า 2 ปี)

ผู้สูงอายุ (อายุมากกว่า 65 ปี)

ผู้ที่มีโรคประจำตัว: เช่น โรคเบาหวาน, โรคหัวใจ, หรือโรคปอดเรื้อรัง (หอบหืด, ถุงลมโป่งพอง)

ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: เช่น ผู้ป่วย HIV หรือผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน

ผู้ที่สูบบุหรี่

หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการที่น่าสงสัย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทันที เพราะการรักษาที่ทันท่วงทีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนและทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
#89
จัดฟันบางนา: รู้ได้อย่างไร ฟันซี่ไหนควร ถอน ?

เชื่อว่าหลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การถอนฟัน คือหนึ่งในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับช่องปากที่รวดเร็วที่สุด แต่สิ่งที่ต้องแรกมาคือการสูญเสียฟันแท้ตามธรรมชาติที่เรียกได้ว่าจำเป็นที่สุดออกเช่นกัน  อย่างไรก็ตามทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจเช็คสภาพฟันและวินิจฉัยก่อนว่า ฟันแต่ละซี่ที่มีปัญหา ควรถอน หรือ ควรจะใช้วิธีการรักษาแบบอื่น การถอนฟันจึงกลายเป็นวิธีสุดท้ายสำหรับฟันที่ไม่รักษาให้หายได้แล้ว

ซึ่งหลายๆคนคงไม่ทราบว่าฟันแบบไหนบ้างที่จำเป็นต้องถอนเนื่องจากรักษาไม่ได้ ซึ่งจริงๆแล้วทันตแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยเอง แต่ในวันนี้จะมาบอกเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆว่าฟันเสียแบบไหนที่จำเป็นต้องถอนฟันบ้างดังต่อไปนี้


ภาวะฟันแบบไหนที่จำเป็นต้อนถอน ?

– ฟันทะลุโพรงประสาทฟัน หรือ ฟันที่เริ่มมีหนองปลายรากฟัน และมีอาการบวมอย่างมาก จำเป็นต้องถอนออกเนื่องจากไม่สามารถรักษาด้วยทันตกรรมรูปแบบอื่นได้

– ฟันที่เป็นโรคปริทันต์รอบๆตัวฟัน หรือมีหนองร่วมด้วย อันนี้ก็จำเป็นที่จะต้องถอนออกโดยเร่งด่วนไม่งั้นอาจจะลามไปที่ฟันซี่อื่นได้อีกด้วย

– ฟันที่ได้รับอุบัติเหตุในลักษณะฟันหัก หรือขากรรไกรหักผ่านฟัน ซึ่งทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่จะไม่เลือกที่จะรักษาวิธีอื่นนอกจากถอนฟันทิ้ง เพราะ การใช้วิธีอื่นมีแต่จะยืดเยื้อและโอกาสสำเร็จไม่มีนั่นเอง

– ฟันคุด หรือ ฟันหายไม่สามารถขึ้นมาในช่องปากได้ตามปกติ จำเป็นต้องถอนวิธีเดียวเท่านั้น

– ฟันที่มีพยาธิ หรือ มีถุงน้ำหนอง หรือเนื้องอก

– ฟันเกินที่อยู่ในลักษณะที่ไม่เป็นระเบียบ

– ฟันที่ขึ้นตำแหน่งที่ผิดปกติ ไม่ได้ใช้งานเป็นส่วนเกิน การถอนออกเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อไม่ให้มีปัญหากับฟันซี่อื่น


วิธีการเตรียมตัวก่อนการถอนฟัน ?

– เตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม คือ นอนหลับให้เพียงพอหากรู้วันที่แน่นอนว่าจะต้องไปถอนฟันในวันใด

– เตรียมสภาพจิตใจให้พร้อม อย่ากลัว อย่าให้เกิดความเครียดจนเกินไป หากว่าเกิดความเครียดมากๆที่ขนาดหัวใจเต้นแรงรับไม่ไหว ให้แจ้งทันตแพทย์ก่อนทำการถอนฟัน

– รับประทานอาหารให้พร้อมก่อนการถอนฟัน เพราะเนื่องจากว่าหากถอนฟันไปแล้ว ยังคงไม่สามารถรับประทานอาหารได้

– ไม่ควรรับประทานอาหารมากเกินไป เนื่องจากอาจจะเกิดอาการแทรกซ้อนภายหลังจากการถอนฟันได้เช่น ทางเดินหายใจอุดตันจากการสำลักอาหาร

– ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือ โรคเกี่ยวกับเลือดต่างๆ ควรบอกทันตแพทย์อย่างละเอียด เพื่อให้ทันตแพทย์ได้เตรียมการป้องกันหลังจากการทำการถอนฟัน เป็นเป็นการรับลองความปลอดภัยของตัวท่านเอง


ถอนฟันทำอย่างไร ?

– ก่อนอื่นเลยทันตแพทย์จะทำการตรวจสอบประวัติของคนไข้ โดยจะตรวจสอบประวัติทางทันตกรรม และทางการแพทย์อย่างละเอียด แล้วจึงทำการเอ็กซ์เรย์ฟัน

– ที่ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจำเป็นต้องทำการเอ็กซ์เรย์ก่อนเนื่องจากว่าจะได้เห็นภาพความยาว รูปร่าง ตำแหน่ง และกระดูกบริเวณรอบๆของฟันซี่ที่ต้องการจะถอน เพื่อให้ทันตแพทย์ได้ทำการประเมิน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในช่องปากให้มากขึ้นไปอีก

– เมื่อเตรียมตัวทุกอย่างพร้อมแล้ว และกำลังเข้าสู่กระบวนการถอนฟัน ทันตแพทย์จะใช้ยาชาบริเวณรอบๆฟันที่กำลังจะถอนก่อน

– เมื่อบริเวณดังกล่าวเริ่มที่จะชาแล้ว ทันตแพทย์จะเริ่มทำการแซะฟันเพื่อให้หลวมจากเหงือก จากนั้นทันตแพทยืผู้เชี่ยวชาญจะใช้คีมดึงฟันซี่ที่หลวมออกจากเหงือก เมื่อฟันหลุดออกไปเรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะทำการปรับสภาพกระดูกด้านล่างให้มีความเรียบเนียนขึ้น และอาจจะทำการปิดปากแผลด้วยการเย็บ


ข้อควรปฏิบัติหลังจากการถอนฟัน ?

– กัดผ้าก็อซที่ทันตแพทย์ให้ไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง หากมีเลือดออกหรือน้ำลายให้กลืน ห้ามถุยออก และห้ามดูดแผลเด็ดขาด

– เมื่อกัดผ้าก็อซครบ 1 ชั่วโมงแล้ว ให้ทำการเอาผ้าก็อซออก แต่หากว่าเลือดยังไม่หยุดไหลให้เปลี่ยนผ้าก็อซผืนใหม่และกัดต่อไปจนกว่าเลือดจะหยุดไหล

– ยาชาจะมีฤทธิ์ประมาณ 2 ชั่วโมง หากหมดฤทธิ์แล้วเริ่มมีอาการปวดให้รับประทานยาตามที่ทันตแพทย์ให้มา

– ให้ทำการประคบอุ่น เพื่อไม่ให้แผลเกิดอาการบวม

– งดการสูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มมีแอลกฮอล์ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง

– หลีกเลี่ยงการแปรงฟันบริเวณที่ทำการถอนฟันประมาณ 2 วัน เพื่อไม่ให้เกิดการอักเสบ
#90
ที่เที่ยวไทย เมืองจีนในไทย ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี จิบชา ถ่ายรูปสวยๆ

ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน จังหวัดอุดรธานี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและเงียบสงบ ให้บรรยากาศเหมือนได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศจีนอย่างแท้จริง โดยไม่ต้องเดินทางไกล และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจิบชาและถ่ายรูปสวยๆ

บรรยากาศและจุดเด่น
ศูนย์วัฒนธรรมแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานรำลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างชาวไทยและชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดอุดรธานี โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์จีนที่ประณีตงดงาม ทั้งศาลาแบบจีนโบราณ สวนหย่อมที่จัดตกแต่งอย่างสวยงาม และบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางพื้นที่ ทำให้เป็นมุมถ่ายรูปที่สวยงามในทุกจุด

นอกจากนี้ ภายในยังมี ศาลเจ้าปู่-ย่า ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยเชื้อสายจีนในอุดรธานี และเป็นสถานที่สำคัญในการจัดงานเทศกาลตรุษจีนประจำปีอีกด้วย


มุมถ่ายรูปและจิบชา

สวนจีนและสะพาน: มีสะพานโค้งสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ทอดยาวข้ามบ่อน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการถ่ายรูป

ศาลาจีนโบราณ: มีศาลาจีนอยู่หลายจุดภายในบริเวณ ซึ่งเป็นมุมที่ให้บรรยากาศสงบและสวยงาม เหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อนและถ่ายรูป

โรงเตี๊ยม: ภายในศูนย์ฯ ยังมีอาคารที่ออกแบบคล้ายโรงเตี๊ยมแบบจีนโบราณ มีพื้นที่ให้นั่งพักผ่อนและจิบชาได้ พร้อมสัมผัสกับบรรยากาศแบบจีนๆ อย่างเต็มที่

ข้อมูลการเดินทาง
ที่ตั้ง: ถนนศุภกิจจรรยา ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี

เวลาทำการ: 08.00 - 18.00 น.

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

หากคุณเดินทางไปอุดรธานี ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดค่ะ